นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า การที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์(S&P)ลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ลงเป็น“ลบ”จาก“คงที่”ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนเป็นคนละส่วนกับกลุ่มที่ลงทุนในพันธบัตร
ทั้งนี้ การลงทุนในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งขณะนี้ตลาดเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ได้รับผลดีจากสเปรดอัตราดอกเบี้ยที่ดี กลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันยังสูง กลุ่มค้าปลีกและอาหารที่ได้รับประโยชน์จากภัยพิบัติ
อย่างไรก็ตาม เงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยยังไม่มาก เนื่องจากสินค้ามีน้อย โดยเฉพาะหุ้นเข้าใหม่ ขณะที่หุ้นที่จดทะเบียนอยู่แล้วก็ไม่ค่อยมีการเพิ่มทุน
ส่วนผลกระทบต่อตลาดสหรัฐนั้น นายก้องเกียรติ มองว่า จะทำให้นักลงทุนที่เคยลงทุนในพันธบัตรระยะยาวหันไปลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นแทน เพื่อลดความเสี่ยงกรณีผลตอบแทนลดลง ขณะที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบหรือความเสียหายมาก เพราะนักลงทุนเป็นคนละกลุ่มกัน
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อตลาดพันธบัตรทั่วโลกที่จะขยับไปหาผลตอบแทนที่ดีกว่า แม้จะจะต้องเสี่ยงกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งไทยก็อยู่ในกลุ่มอัตราดอกเบี้ยสูง แต่มีข้อจำกัดด้านซัพพลายที่น้อยและตั้งแต่ต้นปีมีนักลงทุนต่างประเทศลงทุนในพันธบัตรไทย 2 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าเม็ดเงินที่ลงทุนในตลาดหุ้น