นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ(BECL) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปรับเป้าปริมาณการจราจรในปี 54 เป็นเติบโต 4% จากเดิมคาดไว้ที่ 2-3% หลังจากปริมาณการจราจรในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาเติบโตถึง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และช่วงไตรมาสแรกเติบโตเฉลี่ยถึง 5.3%
บริษัทคาดว่ารายได้ในไตรมาส 1/54 จะออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนตามปริมาณการจราจรที่เติบโตสูงขึ้น และบริษัทยังมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์คือที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินเข้ามาประมาณ 100 ล้านบาท นอกจากนั้น บริษัทยังรับรู้เงินปันผลจากบริษัทย่อยที่เข้าไปลงทุนอีก 74 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทยอมรับว่ากำไรในปี 54 จะลดลงในหลักร้อยล้านบาท ขณะที่รายได้จะลดลงประมาณ 500 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้มีการปรับโครงสร้างส่วนแบ่งรายได้สัญญาสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ในเขตเมือง 2 สายจะลดลงจาก 50% เป็น 40% ซึ่งจะกระทบกับรายรับของบริษัท
"ปีนี้รายได้จะหายไป 500 ล้านบาท หรือลดลง 7% บนสมมติฐานที่ปริมาณการจราจรเติบโต 4% แต่ทั้งนี้มองว่าปริมาณการจราจรในปีนี้มีโอกาสเติบโตสูงสุดถึง 7% ซึ่งถ้ายิ่งสูงขึ้นก็จะยิ่งทำให้รายได้ลดลงน้อยลง"นางพเยาว์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังคาดหวังว่าจะได้รับงานทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ระยะทาง 17 กิโลเมตร มูลค่างานประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกำหนดเปิดให้ยื่นซองประมูลในวันที่ 18 พ.ค.และประกาศผลภายในเดือนเดียวกัน เชื่อว่าจากประสบการณ์ในการทำงาน ความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน และข้อเสนอที่เหมาะสม จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้บริษัทได้งานนี้
นางพเยาว์ กล่าวอีกว่า ภายในเดือนมี.ค.บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้วงเงิน 2 พันล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้อายุ 3 ปี 1 พันล้านบาท และหุ้นกู้อายุ 10 ปี 1 พันล้านบาท เพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปีนี้ 2.9 พันล้านบาท คาดว่าหุ้นกู้ชุดใหม่จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยดีกว่าผลตอบแทนจากเงินฝาก ส่วนหนี้สถาบันการเงินยังมีอีก 1 พันล้านบาท