(เพิ่มเติม) PTTตั้งเป้า 10 ปีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 6 พันเมกฯจาก 700 เมกฯปัจจุบัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 20, 2011 16:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ปตท.(PTT) ตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 6 พันเมกะวัตต์ภายใน 10 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ในระดับ 700 เมกะวัตต์ โดยจะเน้นการลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก โดยภายในปีนี้หวังว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าร่วมลงทุนในโรงไฟฟ้าฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ส่วนโครงการไซยะบุรีที่ปตท.เข้าร่วมทุนนั้นเชื่อว่าจะสามารถเดินหน้าได้ในที่สุดถึงแม้จะมีกลุ่มที่ออกมาคัดค้านการก่อสร้าง เนื่องจากโครงการนี้ได้ผ่านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้มาตรฐาน

นอกจากนั้น ปตท.ยังเปิดเผยว่า ภายในเดือน พ.ค.นี้ จะทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงานเพื่อขอปรับเพดานราคาจำหน่ายก๊าซ NGV เนื่องจากปัจจุบันบริษัทต้องรับภาระดังกล่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามแนวโน้มปริมาณการใช้ก๊าซที่เพิ่มขึ้น

นายณัฐชาติ จารุจินดา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กร PTT เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนขยายการลงทุนไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยกลยุทธ์จะเน้นการลงทุนในธุรกิจก๊าซ โรงไฟฟ้า รวมถึงถ่านหิน การลงทุนยังเน้นใน 3 กลุ่มประเทศ อเมริกาเหนือ เอเชีย และประเทศในภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ ในระยะยาว ปตท.วางแผนจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใน 10 ปีข้างหน้า(ปี 54-63) เพิ่มเป็น 6 พันเมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่ทั้งกลุ่มมีกำลังผลิตไฟฟ้า 700 เมกะวัตต์ โดยมองว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าจะทำรายได้สม่ำเสมอ แม้จะมีผลตอบแทนจากการลงทุนต่ำกว่าธุรกิจอื่น รวมถึงความเสี่ยงของธุรกิจไฟฟ้าก็น้อยกว่าธุรกิจอื่น นอกจากนี้ ยังสามารถต่อยอดกับธุรกิจก๊าซและถ่านหินที่บรั๋ษัทขยายการลงทุน

สำหรับปีนี้บริษัทยังคงอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในฟิลิปปินส์และเวียดนาม ซึ่งการใช้ไฟฟ้าของทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวมีโอกาสเติบโตสูง เพราะมีความต้องการใช้ไฟในจำนวนมาก แต่ปริมาณผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ

"ปีนี้เราก็หวังว่าจะเห็นการเข้าร่วมทุนในโรงไฟฟ้าที่เวียดนามและฟิลืปปินส์ โดยต้องการรวมอำนาจในการบริหารจึงจะเข้าไปลงทุน และกลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศของบริษัทยังเน้นธุรกิจด้านอัพสตรีมเพิ่มมากขึ้น"นายณัฐชาติ กล่าว

สำหรับโครงการไซยะบุรีที่มีการร้องเรียนปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ขณะนี้โครงการดังกล่าวยังคงอยูี่ระหว่างการดำเนินการและเป็นโครงการระยะยาวกว่าจะก่อสร้างเสร็จก็ต้องใช้เวลา 7-8 ปี แม้ว่าจะมีการทบทวนจากรัฐบาลลาวว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะผ่านการศึกษาผลกระทบเรื่องปริมาณน้ำแล้วพบว่าไม่มีผลกระทบ แต่อย่างไรก็ตามความคืบหน่าในเรื่องไซยะบุรีคงต้องให้อำนาจกับผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นผู้เจรจา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ