(เพิ่มเติม) CPF ปรับเป้ารายได้ปี 54 เป็นโตกว่า 15%จาก 10-15%หลังราคาเนื้อสัตว์พุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 20, 2011 16:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF)คาดว่า รายได้จากการขายในปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 15% จากเดิมที่คาดจะเติบโต 10-15% มาเป็น 2 แสนกว่าล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.9แสนล้านบาท

และกำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.35 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ แป็นผลจากราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งไก่และหมู รวมทั้งปริมาณขายเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้มีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)สูงขึ้น ขณะที่อีกด้านหนึ่งวัตถุดิบอาหารสัตว์บางอย่างปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ขณะนี้ราคาปรับขึ้นมา 10% แล้วแต่บริษัทยังมีสต็อกไว้เพียงพอจนถึงเดือน ก.ค.54 และหลังจากนั้นก็จะเป็นฤดูเก็บเกี่ยว

ส่วนปลาป่นราคาปรับขึ้นมาแล้ว 10% แต่สัดส่วนที่ใช้ผสมในอาหารสัตว์มีน้อย จึงยังไม่มีผลกระทบมากนัก สำหรับกากถั่วเหลืองราคากลับปรับลง เพราะฟาร์มเลี้ยงสัตว์ลดลง

"ปีนี้เราเติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมาทั้งในแง่ยอดขายและกำไรผู้ถือหุ้นสบายใจได้ว่าเรายังเติบโตอย่างมั่นคง" กรรมการผู้จัดการใหญ่CPF กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันนี้

นายอดิเรก คาดว่า รายได้และกำไรในไตรมาส 1/54 จะดีกว่าในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และในไตรมาส 2/54 จะมีรายได้และกำไรเติบโตมากกว่าไตรมาส 1/54 เพราะภาวะการส่งออกดีขึ้นและราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนเงินลงทุนในปีนี้ บริษัทตั้งงบไว้ 8 พันล้านบาท ใช้ในการลงทุนต่างประเทศ 60% และ 40% ใช้ลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะต่างประเทศบริษัทมุ่งลงทุนฐานธุรกิจเดิมที่เห็นว่ายังมีศักยภาพเติบโตได้ดี ได้แก่ รัสซีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ทั้งนี้ แหล่งเงินมาจากผลการดำเนินงานบริษัท โดยคาดว่าปีนี้จะมีกระแสเงินสดกว่า 2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มี 1.8 หมื่นล้านบาท

นายอดิเรก กล่าวว่า แม้ว่าจะเกิดภาวะน้ำท่วมในภาคใต้ที่ผ่านมา แต่ฟาร์มเลี้ยงกุ้งของบริษัทและลูกค้าของบริษัทโดยรวมเสียหาย หรือรับผลกระทบไม่ถึง 1% แต่ส่งผลดีกับฟาร์มเลี้ยงกุ้งในภาคกลางและภาคตะวันออก ส่วนเหตุการณ์สึนามิและแผ่นดินไหวในญี่ปุ่น ทำให้ญี่ปุ่นสั่งซื้อสินค้าอาหารมากขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบตัวเลขแน่ชัด คงต้องระดูอีกระยะหนึ่ง

ส่วนเรื่องเงินบาทที่แข็งค่าบริษัทไมไได้รับผลกระทบ แม้ว่ามูลค่าการส่งออกจะได้รับผลกระทบ แต่บริษัทก็นำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้ถูกลง

อย่างไรก็ตาม นายอดิเรก ยอมรับว่า ขณะนี้มีความกังวลโรคระบาดสัตว์ที่เกิดขึ้นจะทำให้ผู้บริโภคหวาดกลัวและอาจเลิกบริโภค เหมือนอย่างโรคไข้หวัดนกที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แต่ในแง่การผลิตของบริษัทไม่กระทบ เพราะมีมาตรฐานการเลี้ยงที่ดี นอกจากนั้น บริษัทยังกังวลการกีดกันทางการค้าเกี่ยวกับการส่งออกไก่ของไทย โดยเฉพาะอียูและญี่ปุ่นที่มีการจำกัดโควต้าด้วยการสร้างกฎเกณฑ์การค้าใหม่ๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ