โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์(QH)เนื่องจากราคาหุ้นในปัจจุบันยัง Laggard ในกลุ่มอสังหาฯ และรับผลดีจาก บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป(LHFG)กำลังจะเข้าตลาดหุ้น สร้างมูลค่าให้กับ QH โดยหลัง LHFG ขายหุ้น IPO สัดส่วนหุ้นของ QH จะอยู่ที่ 22.45%
สำหรับธุรกิจที่อยู่อาศัยของ QH ปี 54 คงจะมีการเติบโตขึ้นไปได้เรื่อย ๆ โดยเฉพาะจากโครงการแนวราบที่มียอดขายดีขึ้น ซึ่งเป็นไปตามภาพรวมของอุตสาหกรรมช่วง ม.ค.-ก.พ.ยอดขายบ้านเดี่ยว-บ้านแฝดปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้นปีนี้มองว่าผลการดำเนินงานของ QH น่าจะดีกว่าปี 53
QH จะมีการเปิดโครงการใหม่ 21-22 โครงการในปี 54 มูลค่ารวมประมาณ 26,000-28,000 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ในช่วง 2,113-2,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 2,003 ล้านบาท
นอกจากนี้ QH จะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 9 พ.ค.เพื่อจ่ายปันผลงวดปี 53 อัตรา 0.12 บาท/หุ้น คิดเป็น Divident Yield ประมาณ 5%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 3.45 บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 3.12 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 3.00 บล.บัวหลวง ซื้อ 2.70 บล.เอเชีย พลัส ซื้อ 2.68 บล.ไทยพาณิชย์ ซื้อ 2.36
นายชาตรี ศรีสมัยเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา แนะนำ"ซื้อ"หุ้น QH เนื่องจากราคาหุ้นในปัจจุบันยังถูกอยู่ เรียกได้ว่ายัง Laggard เมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นในกลุ่มอสังหาฯ นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากที่ LHFGกำลังจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะสร้างมูลค่าให้กับ QH โดยประเมินราคาเป้าหมายของหุ้น QH ไว้ที่ 3.45 บาท/หุ้น รวมมูลค่าเพิ่มที่ได้จาก LHFG แล้วเมื่อคิดจากราคาขาย IPO ที่ 1.40 บาท/หุ้น และภายหลังจากที่ LHFG ขายหุ้น IPO แล้ว จะทำให้ QH มีสัดส่วนการถือหุ้น LHFG อยู่ที่ 22.45%
สำหรับธุรกิจที่อยู่อาศัยของ QH คงจะมีการเติบโตขึ้นไปได้เรื่อย ๆ โดยปีนี้คงจะได้รับแรงดันจากโครงการแนวราบ เพราะบริษัทฯจะรุกโครงการแนวราบ พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 54 ไว้ที่ 2,113 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมีกำไรสุทธิ 2,003 ล้านบาท
น.ส.วิชชุดา ปลั่งมณี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ราคาหุ้น QH ในปัจจุบันยังมีการปรับตัวขึ้นน้อยกว่าหุ้นตัวอื่น ๆ ในกลุ่มอสังหาฯที่ปรับขึ้นไปพอสมควรแล้ว อีกทั้งโครงการแนวราบของ QH ก็มียอดขายที่ดีขึ้น โดยหากมองภาพโดยรวมของโครงการแนวราบทั้งระบบอุตสาหกรรมในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ จะเห็นได้ว่าโครงการแนวราบประเภทบ้านเดี่ยวมีการปรับตัวสูงขึ้น 20% ส่วนบ้านแฝดก็ปรับตัวขึ้นกว่า 100% ซึ่งปีนี้มองว่าผลการดำเนินงานของ QH น่าจะดีกว่าปีที่แล้ว
เนื่องจากก่อนหน้านี้โครงการแนวราบค่อนข้างย่ำแย่ แต่ภายหลังจากที่ภาครัฐฯมีความชัดเจนในเรื่องโครงการรถไฟฟ้าก็ทำให้โครงการแนวราบได้รับประโยชน์ ทั้งนี้ ในปี 54 QH มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ 21-22 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 26,000-28,000 ล้านบาท อีกทั้ง QH ยังมีกำไรจากเงินลงทุนด้วย อาทิ การลงทุนใน LHFG, HMPRO เป็นต้น พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 54 ไว้ที่ 2,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 2,002 ล้านบาท นอกจากนี้ QH กำลังจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 9 พ.ค.นี้ เพื่อจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2553 ให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 0.12 บาท/หุ้น ซึ่งคิดเป็น Divident Yield ประมาณ 5% ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส ให้เหตุผลแนะ"ซื้อ"หุ้น QH ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 2.68 บาท/หุ้น ซึ่งคิด P/E เท่ากับ 10 เท่า ทั้งนี้ ราคาหุ้น QH ที่ขยับขึ้นช่วงนี้เป็นการสะท้อนข่าวดีจากเรื่องที่ LHFG จะเข้าเทรด ซึ่งทำให้สามารถโชว์ value ที่แท้จริงได้ โดย QH ได้มีการลงทุนใน LHFG สำหรับธุรกิจหลักที่อยู่อาศัยปีนี้ก็คงจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง QH จะเน้นพวกแนวราบ และจับลูกค้าตลาดบน ปีนี้ก็คงจะเดินหน้าต่อ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับ QH ด้วยว่าจะทำได้มาก/น้อยแค่ไหน โดยปีนี้ QH มีแผนเปิดโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 26,400 ล้านบาท พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 54 ไว้ที่ 2,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 2,003 ล้านบาท