นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT) กล่าวว่า แผนงานโครงการโรงแยกก๊าซแห่งที่ 7 คงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันรัฐบาลยังคงตรึงราคาก๊าซ LPG ทำให้ราคาบิดเบือนไม่เป็นไปตามกลไกตลาดโลก ทำให้บริษัทต้องรับภาระมากอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงปริมาณก๊าซในโลกว่ามีปริมาณสำรองมากน้อยเพียงใด จากการประเมินเบื้องต้นคาดว่าก๊าซจะเหลือใช้ได้เพียง 20-25 ปี จึงต้องพิจารณาอีกครั้งว่าปริมาณสำรองเป็นไปตามคาดการณ์ดังกล่าวหรือไม่
สำหรับการที่รัฐบาลตรึงราคา LPG ทำให้ปริมาณการใช้เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคขนส่ง ทำให้ปีนี้น่าจะมีการนำเข้า LPG ราว 2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีการนำเข้า 1.5 ล้านตัน และในอนาคตอาจจะเห็นการนำเข้าถึง 3 ล้านตัน
นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR) กล่าวว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้น PTTAR วันนี้มีมติเห็นชอบแผนการควบรวมกิจการกับ บมจ.ปตท.เคมีคอล (PTTCH) ด้วยคะแนนเสียง 99.65% คาดว่ากรควบรวมจะแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.54 โดยบริษัทใหม่ที่เข้าเทรดจะมีขนาดมาร์เก็ตแคปเป็นอันดับ 4 ในตลาดหลักทรัพย์
การควบรวมครั้งนี้จะไม่มีการปลดพนักงาน แต่อาจจะมีการปรับวัฒนธรรมองค์กรของทั้ง 2 องค์กร ซึ่งเชื่อว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี อีกทั้งบริษัทใหม่จะมีการลงทุนเพิ่มเติมอีก 92 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อการผลิตต่อยอดวัตถุดิบ น่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในปี 57 โดยประเมินประโยชน์จากการลงทุนดังกล่าวจากสมมติฐานน้ำมันดิบดูไบที่ 62 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล บริษัทจะได้รับผลประโยชน์ 80 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ถ้าราคาน้ำมันขึ้นไปถึง 130 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ก็จะทำให้บริษัทได้รับผลประโยชน์เพิ่มเป็น 150 ล้านเหรียญสหรัฐ
ผลประการในไตรมาส 1/54 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทั้งในแง่ของรายได้และกำไร ตามทิศทางราคาผลิตภัณฑ์ ขณะที่ส่วนต่างราคาขายและต้นทุนวัตถุดิบสูงถึง 700 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากไตรมาส 4/53 อยู่ที่ 580 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้ผลประกอบการของบริษัทออกมาดี และปีนี้ทั้งปีก็เชื่อว่ากำไรจะมากกว่าปีก่อน