น.ส.วัณนา พรสินศิริรักษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงินและบัญชี บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นความชัดเจนในเรื่องการให้บริการ wifi ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ให้บริการ wifi หลายรายเพื่อเป็นพันธมิตรในการให้บริการ ซึ่ง 1 ในนั้น คือ บมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (3BB) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ JAS
และในปีนี้บริษัทมีแผนจะทบทวนเงินลงทุนจากเดิมตั้งไว้ราว 6-7 พันล้านบาท โดยจะรอดูความชัดเจนเรื่องเทคโนโลยี 3G หากสามารถเปิดประมูลใบอนุญาต 3G บนคลื่น 2.1 GHz อาจจะมีการปรับเพิ่มเงินลงทุน แต่ถ้ายังไม่สามารถดำเนินการได้ในปีนี้ก็อาจจะปรับลดเงินลงทุน
อย่างไรก็ตาม บริษัทยอมรับว่ามีโอกาสที่จะจ่ายเวินปันผล 70% ของกำไรสุทธิ จากเดิมจ่ายไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ และอาจจะมีการจ่ายปันผลพิเศษ หลังแนวโน้มผลประกอบการยังเติบโตได้ดี แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดและแผนการลงทุนใหม่ๆ ของบริษัทด้วย
ด้านนายจอห์น เอ็ดดี้ อับดุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DTAC กล่าวว่า การประมูล 3G บนคลื่นใหม่ ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนบริษัทจึงหันไปให้ความสำคัญในการพัฒนาการบริการ 3G บนคลื่นความถี่เดิม 850 MHz ซึ่งมีแผนลงทุนราว 1.2 พันล้านบาท และขณะนี้เป็นการลงทุนเฟส 1 ใช้เงินลงทุน 350 ล้านบาทเพื่อขยายสถานีฐานกว่า 400 สถานี รวมทั้งมีการทำเน็ตเวิร์คสวอป ซึ่งเป็นการเปลี่ยนโครงข่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท ปัจจุบัน เริ่มดำเนินการแล้วในกทม.และปริมณฑล คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในอีก 1-2 เดือนนี้ และทั่วประเทศจะแล้วเสร็จในปี 55
ขณะที่นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ DTAC กล่าวว่า การลงทุน 3G บนคลื่นความถี่เดิมเป็นการลงทุนเพื่อรักษาฐานลูกค้าไม่ให้ไปใช้เครือข่ายอื่นของคู่แข่งรายอื่นที่เปิดให้บริการ 3G เต็มรูปแบบแล้ว แม้ว่าแผนระยะยาวบริษัทต้องการลงทุน 3G บนเครือข่ายใหม่มากกว่า แต่ก็ยังต้องรอความชัดเจนภาครัฐ
นายบุญชัย ยังกล่าวอีกว่า บริษัทไม่ได้มีแผนที่จะเพิกถอนหุ้น TAC ออกจากตลาดหุ้นสิงคโปร์ แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงสถานะของบริษัทจดทะเบียนบนกระดานหลักไปเป็นกระดานรอง หลังที่ผ่านมาพบว่าปริมาณการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดสิงคโปร์ลดลงอย่างต่อเนื่อง และการที่ธุรกิจหลักยังอยู่ในประเทศไทย ทำให้นักลงทุนรายใหม่จำนวนมากเลือกเข้ามาซื้อหุ้น DTAC ในตลาดs6hoไทยมากกว่า
"หุ้นในสิงคโปร์ปริมาณซื้อขายน้อยมากแค่ 1% แถบไม่มีการเคลื่อนไหว แม้ทั้ง 2 ประเทศเวลาจะห่างกันแค่ 2 ชม.และการที่ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ตลาดหลักทำให้ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการที่จะต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ทั้งตลาดสิงคโปร์และตลาดไทยทำให้การทำงานไม่ค่อยสะดวก"นายบุญชัย กล่าว