ดัชนี FTSE ตลาดหุ้นลอนดอนปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนนี้ (21 เม.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของหลายประเทศในยุโรป
ดัชนี FTSE 100 ปิดขยับลง 3.96 จุด แตะที่ 6,018.30 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป โดยมีรายงานว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี และ 10 ปีของรัฐบาลกรีซ พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่ากรีซอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปรับโครงสร้างหนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ดัชนี FTSE 100 ขยับลงเพียงเล็กน้อยเพราะตลาดได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษที่ระบุว่า ยอดค้าปลีกในอังกฤษขยายตัวขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก.พ. ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวลดลง
หุ้นโวดาโฟน ร่วงลง 4.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในบรรดาบลูชิดที่คำนวณในดัชนี FTSE หลังจากบริษัทเคพีเอ็นซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมของเนเธอร์แลนด์ รายงานผลประกอบการที่อ่อนแอ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นตามราคาโลหะในตลาดโลก โดยหุ้นเฟอร์เร็กซ์โปพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดถึง 3.66% ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ นำโดยหุ้นจอห์นวู๊ด กรุ๊ป ที่ทะยานขึ้น 3.75%
แต่หุ้นบีพีร่วงลง 1.21% ในขณะที่มีรายงานข่าวว่าบีพียื่นฟ้องดำเนินคดีทางกฎหมายกับบริษัททรานส์โอเชียน ซึ่งเป็นเจ้าของแท่นขุดเจาะที่เกิดระเบิดขึ้นเมื่อเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว เป็นเงินมูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยบีพีระบุในเอกสารที่ยื่นต่อศาลแขวงในนิวออร์ลีนส์ว่า ทรานส์โอเชียนเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดระเบิดที่แท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้มีน้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
*ตลาดหุ้นลอนดอนจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 22 เม.ย. เนื่องในวันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) และจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 25 เม.ย. เนื่องในเทศกาลอีสเตอร์