นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย)(SIS)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า คาดไตรมาส 1/54 ทั้งรายได้และกำไรจะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า โดยในด้านรายได้จะสูงกว่าไตรมาส 4/53 ที่มีรายได้ 4,665 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 3,912 ล้านบาท ขณะที่กำไรก็จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกับรายได้ ซึ่งถ้ายอดขายทำเรคคอร์ดใหม่ กำไรก็น่าจะดีขึ้น
อนึ่ง ไตรมาส 4/53 กำไรอยู่ที่ 85 ล้านบาททำสถิติสูงสุด
ทั้งนี้ ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่องตามผู้ซื้อ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นไปตามวงจรธุรกิจที่จะมีการเติบโตต่อเนื่องตในไตรมาส 1,2 และ 3 ส่วนไตรมาส 4 อาจจะตก เพราะมีวันหยุดมาก แต่ในไตรมาส 4/53 ยอดขายกลับไม่ตกเพราะมีสินค้ารุ่นใหม่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนเข้ามากระตุ้นตลาด และส่งผลดีต่อเนื่องถึงไตรมาส 1/54 ด้วย
"ไตรมาส 1/54 ดีเพราะปกติยอดขายจะสูงกว่าไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูกาล และเชื่อว่าปีนี้ยอดขายจะต้องเพิ่มขึ้นเพราะปกติ 2-3 ปีที่ผ่านมาจะมีเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองทำให้งานโครงการต่างๆ ของภาครัฐและเอกชนไม่ค่อยมีการลงทุน แต่ปีนี้ปกติไม่มีเหตุการณ์ อีกทั้งผู้บริโภคกำลังซื้อค่อนข้างดี พอมีรัฐบาลที่ค่อนข้างมั่นคงขึ้นก็ดี ไตรมาส 1 ได้รับผลดี 2 ด้านฝั่งขายโครงการรัฐและเอกชนมียอดขายที่ดี ฝั่งลูกค้าคอนซูมเมอร์ยอดขายไม่ตก ช่วยเสริม 2 ด้าน"นายสมชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปี 54 เติบโตตามภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 10% เนื่องจากตัวเลขคำสั่งซื้อจะเติบโตตามอุตสาหกรรม ประกอบกับ บริษัทมีการขยายพื้นที่ขาย รวมทั้งหาสินค้าใหม่ๆ ทั้งในกลุ่มสมาร์ทโฟนและสินค้าหลักเดิมเข้ามาเพิ่ม ทำให้เชื่อว่ารายได้จะเติบโตได้มากกว่าอุตสาหกรรม จากปี 53 ที่มีรายได้ 1.65 หมื่นล้านบาท
สำหรับสินค้าที่โดดเด่นในปีนี้เป็นกลุ่มสมาร์ทโฟน โดยมีสินค้าหลัก คือ BlackBerry ที่เข้ามาในไตรมาส 4/53 ทำให้รายได้เติบโตขึ้น และไตรมาส 1/54 ก็ยังสร้างรายได้ที่ดี และในปี 54 จะรับรู้รายได้ Blackberry เต็มปี ซึ่งธุรกิจสมาร์ทโฟนจะหนุนรายได้ปีนี้ให้เติบโตดีต่อ ยอดขายของ SIS เป็น 1 ใน 3 ของตลาดสมาร์ทโฟน
ปัจจุบัน บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทโฟนยี่ห้อหลักๆ เช่น Blackberry, HTC, Acer, Motorola, iPhone, ASUS นอกเหนือจากธุรกิจหลักเดิมที่เป็นตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ตหลักๆเกือบทุกแบรนด์
ในปีนี้บริษัทจะมีการขยายพื้นที่ขายในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น หลังจากเปิดสำนักงานสาขาแล้วที่ชลบุรี ภูเก็ต และขอนแก่น โดยไตรมาส 2/54 จะเปิดที่หาดใหญ่ และไตรมาส 4/54 หากสามารถหาบุคลากรได้ทันก็จะเปิดอีก 1-2 สาขา โดยสนใจภาคเหนือตอนล่างอย่างพิษณุโลก ภาคอีสานก็มองที่นครราชสีมา ขณะที่เมื่อต้นเดือน เม.ย.บริษัทได้ย้ายคลังสินค้าไปแล้ว ส่วนสำนักงานใหญ่มีแผนจะย้ายในเดือนส.ค.ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นบ้าง
นายสมชัย กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับประเทศญี่ปุ่นอาจมีผลกระทบโดยตรงกับอุปกรณ์คอมโพเน้นท์ ประเภท เมมโมรี่ แฟลชไดร์ฟ อุปกรณ์ต่อเชื่อมยูเอสบี ราคาอาจจะปรับขึ้นตามดีมานด์-ซัพพลาย เพราะการผลิตที่ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบผลผลิตก็จะน้อยลง แต่ในระยะสั้นยังไม่มีผลมากนัก เพราะผู้ผลิตตกลงราคากันไว้ก่อนแล้ว แต่ระยะยาวหากเหตุการณ์ยังไม่คลี่คลายภายใน 3 เดือน จะกระทบราคาอุปกรณ์สำเร็จรูปส่วนใหญ่อาจจะปรับขึ้น ทำให้บริษัทต้องปรับขึ้นราคาตาม แต่ยังถือว่าโชคดีที่อุปกรณ์ชิ้นส่วนประเภทเซมิคอนดักเตอร์ยังมีผู้ผลิตกระจายอยู่ในประเทศอื่นอย่าง จีน เกาหลี และ สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ปีนี้เป็นห่วงเรื่องเลือกตั้งว่าจะเรียบร้อยหรือไม่ รวมถึงเรื่องความมั่นคง หากมีการประกาศยุบสภาพ.ค.เลือกตั้งจะประมาณ มิ.ย.-ก.ค.ช่วงยุบสภาโครงการภาครัฐหยุดชะงัก เพราะเหลือแต่รัฐบาลรักษาการ ซึ่งหวังว่าการพิจารณางบประมาณของรัฐบาลชุดใหม่จะไม่ยืดเยื้อ