(เพิ่มเติม) KTB เล็งปรับเป้าสินเชื่อปีนี้หลังโตเกินคาด/มั่นใจกำไรดีกว่าปีก่อนแน่

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 22, 2011 13:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ธนาคารจะพิจารณาทบทวนเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้อีกครั้งช่วงครึ่งปีหลัง โดยในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตเกินเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ 7-9% เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อในไตรมาสแรกขยายตัว 4.13% และคาดว่าไตรมาส 2/54 จะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง

ธนาคารตั้งเป้าหมายจะรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)ที่ 2.47% เท่ากับช่วงไตรมาส 1/54 จึงเชื่อว่าน่าจะทำให้กำไรทั้งปีนี้ดีขึ้นกว่าปีก่อนแน่นอน หลังจากไตรมาสแรกกำไรเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์

"ปี 54 จะเป็นปีที่ธนาคารจะเริ่มการขยายตัวหลังจากที่ได้ใช้เวลา 5-6 ปีที่ผ่านมาในการแก้ปัญหาที่เป็นจุดอ่อนของธนาคาร ทั้งในเรื่องของ NPL ความสามารถในการหารายได้ ซึ่งได้แก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่งแล้วและถึงเวลาที่ธนาคารต้องเดินไปข้างหน้า"นายอภิศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายอภิศักดิ์ ยอมรับว่า การปล่อยสินเชื่อของธนาคารขณะนี้แม้จะมีสัญญาณที่ดี แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามสถานการณ์ในระยะข้างหน้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดจากปัจจัยต่างๆ ทั้งราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ การเลือกตั้ง ซึ่งมีโอกาสที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้

ในไตรมาส 1/54 ที่สินเชื่อขยายตัว 4.13% มาจากการปล่อยสินเชื่อภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อของเอกชนที่นำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ และทำให้สัดส่วนสินเชื่อภาครัฐลดลงจาก 19% เหลือ 18% และเป็นผลทำให้อัตรากำไร(margin)ขยายตัวได้ดี เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อภาครัฐจะมีดอกเบี้ยอยู่ที่2% แต่หากปล่อยสินเชื่อภาคเอกชนอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 3-4% ดังนั้น ธนาคารจึงจะเพิ่มสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อภาคเอกชนมากขึ้นหากมีโอกาส

ส่วนไตรมาส 2/54 มองแนวโน้มน่าจะปล่อยสินเชื่อได้ต่อเนื่อง เนื่องจากยังมีดีลการควบรวม หรือการซื้อกิจการต่างประเทศอีกหลายราย ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เครื่องจักร ซึ่งขึ้นอยู่กับภาคเอกชนจะผลักดันการซื้อกิจการได้สำเร็จมากน้อยแค่ไหน

ขณะที่การปล่อยสินเชื่อให้ บมจ.ช.การช่าง(CK) เพื่อลงทุนในโครงการไซยะบุรี แม้จะมีการชะลอดำเนินโครงการ แต่ไม่ได้กระทบต่อแผนการให้สินเชื่อ ซึ่งปัจจุบัน ยังไม่ได้มีการลงนามข้อตกลงการสนับสนุนสินเชื่อแต่อย่างใด แต่ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งการปล่อยสินเชื่อในโครงการดังกล่าวมีเงื่อนไขที่ต้องดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม จึงจะเบิกจ่ายเงินสินเชื่อได้ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทก็สามารถดำเนินการเรื่องสิ่งแวดล้อมได้พอสมควร

สำหรับการนำบริษัท กรุงไทยแอ็กซ่า เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ตามนโยบายของกระทรวงการคลังที่ต้องการนำบริษัทลูกรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์นั้น พบว่าผู้ถือหุ้นต่างประเทศต้องการให้เลื่อนการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นไปอีก 2-3 ปี เนื่องจากขณะนี้บริษัทได้มีการพลิกฟื้นกิจการและเริ่มสามารถทำกำไรได้แล้ว ดังนั้น เห็นว่า หากรอให้บริษัทดำเนินธุรกิจต่อไปอีกระยะน่าจะขายหุ้นได้ราคาที่ดีกว่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ