NOBLE รับรู้ฯขายที่ดิน 429ลบ.ใน Q2,เปิดขายโครงการเพลินจิตก่อนเลือกตั้ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 22, 2011 16:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์(NOBLE)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทจะรับรู้รายได้จากการขายที่ดินที่โครงการโนเบิลนาโนให้กับ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์(LPN)ภายในไตรมาส 2/54 จากนั้นจะรับรู้รายได้จากโครงการโนเบิลรีวิวช่วงไตรมาส 3/54-ไตรมาส 4/54 ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ได้บางส่วน

"แม้ว่าปีนี้จะบันทึกรายได้ด้วยมาตรฐานทางบัญชีใหม่ แต่ผลประกอบการเราก็คาดว่าน่าจะดีอยู่ ซึ่งต่อจากนี้ไปก็คิดว่าจะมีโครงการโอนเข้ามาอย่างน้อย 2 โครงการในทุก ๆ 1 ปี"นายกิตติ กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อ 4 เม.ย.54 LPN แจ้งว่าได้เข้าซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ลุมพินี วิลล์ พัฒนาการ-เพชรบุรีตัดใหม่ มูลค่า 429.26 ล้านบาท เป็นที่ดินว่างเปล่า เนื้อที่ 6,489 ตารางวา ตั้งอยู่ตำบล สวนหลวง อำเภอ สวนหลวง จังหวัด กรุงเทพมหานคร

ขณะที่นางสาววาสนา เธียรศิริศักดิ์ กรรมการ NOBLE คาดว่า แนวโน้มรายได้และกำไรในปี 54 มีโอกาสลดลงจากปี 53 ที่มีรายได้ประมาณ 5 พันล้นบาท และกำไรสุทธิ 998 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรฐานทางบัญชีใหม่ที่จะรับรู้รายได้เมื่อโอนกรรมสิทธิ์

แต่ทั้งนี้มองว่าผลประกอบการในภาพรวมยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมี backlog 6.9 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 ปีนี้ และปีนี้บริษัทยังตั้งงบลงทุนซื้อที่ดิน 600-800 ล้านบาท รองรับการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ในอนาคต เพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง

นายธงชัย บุศราพันธ์ กรรมการผู้จัดการ NOBLE กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการปรับรูปแบบโครงการบนที่ดิน 9 ไร่เศษบริเวณแยกเพลินจิต มูลค่าโครงการ 1.24 หมื่นล้านบาท แต่เดิมจะสร้างเป็น 2 อาคารขนาด 38 ชั้น และ 52 ชั้น แต่ขณะนี้คาดว่าจะขยายเป็น 4 อาคาร ขนาดเฉลี่ย 48.8 ตร.ม./ยูนิต จำนวนกว่า 1 พันยูนิต ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการและเปิดขายในไตรมาส 2/54 หรือ ไตรมาส 3/54

ส่วนอีก 2 โครงการที่บริษัทมีแผนจะเปิดตัวในปีนี้ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมที่ถนนสุรศักดิ์ตัดสาทร บนพื้นที่ 1 ไร่ครึ่ง มูลค่าโครงการ 1.34 พันล้านบาท เป็นอาคารขนาด 32 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่เฉลี่ย 50 ตร.ม.คาดว่าจะเปิดขายในไตรมาส 3/54 นี้ และ โครงการคอนโดมิเนียม ที่ถนนรัชดาภิเษกที่ถือเป็นโลเคชั่นใหม่ของบริษัท มูลค่าโครงการ 2.36 พันล้านบาท แบ่งพัฒนาเป็น 2 เฟส เฟสละ 3.5 ไร่ เฟสแรกจะเป็นอาคารขนาด 35 ชั้น 1 อาคาร

ขณะที่โครงการแนวราบในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนจะพัฒนาเพิ่มเติม แต่ก็ได้มองหาทำเลที่น่าสนใจอยู่เรื่อยๆ ปัจจุบันสัดส่วนโครงการแนวราบของบริษัทอยู่ที่ 9% ที่เหลือเป็นโครงการคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้ นายกิตติ กล่าวอีกว่า โครงการคอนโดมีเนียมที่แยกเพลินจิต คาดหวังว่าจะเปิดขายได้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ เนื่องจากมองว่าสถานการณ์ยังน่าจะสงบอยู่ ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย และเชื่อว่าจะขายหมด เพราะเป็นทำเลที่ดีมีศักยภาพและถือเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่บริษัทพัฒนามา ปัจจุบันมีลูกค้าจากต่างประเทศทั้งจีน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ