น.ส.อมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ(ROJNA)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่าทั้งปี 54 จะมียอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมไม่ค่ำกว่า 600 ไร่ โดยไตรมาส 1/54 ขายได้แล้ว 200 ไร่ ประกอบกับ ขณะนี้มีลูกค้ากว่า 10 รายเข้ามาเจรจาซื้อที่ดินทั้งในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะที่อยุธยาและที่ระยอง หลังจากสถานการณ์สีนามิในญี่ปุ่นคลี่คลาย
ขณะเดียวกันบริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม Kaina Business Plaza ในจีนเข้ามาเพิ่ม รวมถึงรายได้จากสาธารณูปโภคจะเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะค่าไฟฟ้า ทำให้คาดว่ารายได้ในปี 54 สูงกว่าปี 53 ที่มีรายได้ 8.7 พันล้านบาท
"ปีนี้เราก็ยังเติบโตได้ดี บรรยากาศการลงทุนโดยเฉพาะลูกค้าญี่ปุ่นที่เข้ามาต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่นิคมโรจนะ อยุธยา ซึ่งเราก็หวังว่าคุยกับเขาได้สำเร็จ" น.ส.อมรา กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท มูลค่า 2 พันล้านบาท ไม่เกินไตรมาส 3/54 โดยโครงการดังกล่าวบริษัทได้ซื้อต่อจาก บมจ.เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ (METRO) ส่วนโครงการย่านรัตนาธิเบศร์ชะลอไปก่อนเพื่อรอให้มีการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงก่อน ดังนั้น จึงคาดว่าคงจะไม่เห็นการเปิดโครงการในปีนี้แน่นอน และอาจจะพิจารณาใหม่ในปีหน้า
ดังนั้น รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะรับรู้จากโครงการ Kaina Business Plaza เฟสแรกในจีน เพียงแห่งเดียว ส่วนเฟสสองจะก่อสร้างเสร็จประมาณกลางปีหรือปลายปีนี้ สำหรับโครงการใหม่ในจีน คาดว่าจะชะลอออกไปก่อนเช่นกัน หลังจากที่รัฐบาลจีนได้เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์
ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภค โดยเฉพาะการขายไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม น.ส.อมรา กล่าวว่า บริษัทจะใช้เงินลงทุน 6 พันล้านบาท ในการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม อีก 55 เมกะวัตต์จากทั้งหมดที่มีอยู่ 265 เมกะวัตต์ และก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP2 กำลังการผลิต 110 เมกะวัตต์ ทั้งนี้จะรับรู้รายได้ในปี 56 ทั้งสองส่วน
น.ส.อมรา กล่าวว่า บริษัทมีแผนทยอยออกหุ้นกู้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากวงเงินไม่เกิน 3 พันล้านบาทที่วันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติไว้แล้ว เพราะต้องรอสถานการณ์และจังหวะเวลาที่เหมาะสม การออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อนำไปชำระหนี้ระยะสั้นบางส่วน และจะช่วยลดต้นทุนทางการเงินหลังจากอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มขาขึ้น
"จริงๆแล้ว บริษัทมีความสามารถในการกู้กับแบงก์ได้ แต่การออกหุ้นกู้ก็เหมือนซื้อของที่ถูกลง เพราะเราเห็นดอกเบี้ยกำลังจะปรับขึ้น วิธีนี้จะดีต่อผู้ถือหุ้นและบริษัท และจะเป็นวิธีแก้ไขในการตรึงดอกเบี้ยได้ เราไม่ค่อยเป็นห่วงธุรกิจ เพราะมีมาร์จิ้นค่อนข้างดี เพราะฉะนั้นผลกระทบเรื่องดอกเบี้ยจึงไม่น่ามาก และอีกอย่างด้านสาธารณูปโภคคงจะปรับเพิ่มขึ้นเพราะต้นทุน"น.ส.อมรา กล่าว