โบรกฯเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เคซีอี อิเลคโทรนิคส์(KCE)หลังผ่านจุดเลวร้ายไปแล้วในไตรมาส 4/53 และกำไรฟื้นตัวอย่างมีนัยตั้งแต่ไตรมาส 1/54 เป็นต้นไป แนวโน้มไตรมาส 2 ผู้บริหารบอกยังดีอยู่และออร์เดอร์ลูกค้าใหม่จะเริ่มผลิตครึ่งปีหลัง ขณะที่ราคาหุ้นยังมี upside สูง ภัยพิบัติญี่ปุ่นกระทบน้อยมากเพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นยุโรป
อย่างไรก็ตาม วันนี้จะมีประชุมนักวิเคราะห์ต้องรอคำชี้แจงจากผู้บริหารถึงสถานการณ์จากนี้ไป
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท) บล.ฟิลลิป ซื้อ 10.90 บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ซื้อ 9.20 บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 9.00 บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ซื้อ 8.89
น.ส.นารี อภิเศวตกานต์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)คาดว่า กำไรของ KCE ในช่วงไตรมาส 1/54 จะออกมาดีกว่าไตรมาส 4/53 แต่คงไม่ดีเท่ากับไตรมาส 1/53 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี discount มาก PE ค่อนข้างต่ำ
นอกจากนั้น ผู้บริหารออกมาระบุมุมมองในไตรมาส 2/54 ยังดีอยู่ ไม่กระทบลูกค้าหยุดออร์เดอร์ และปีนี้ได้ลูกค้าใหม่เป็นกลุ่มรถยนต์ที่จะเริ่มผลิตในครึ่งปีหลัง ขณะที่ลูกค้ารายเดิมก็ยังอยู่ จึงไม่น่ากังวลมากนัก ส่วนกรณีที่โตโยต้าจะลดกำลังการผลิตไม่กระทบต่อบริษัท เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในแถบยุโรปเป็นหลัก เช่น โรเบิร์ต บอชช์ แต่อาจได้รับผลกระทบบ้างในกรณีที่แย่สุด คือชิ้นส่วนบางตัวที่เป็นการผลิตต่อจากญี่ปุ่น หากการผลิตมีปัญหาก็อาจจะกระทบ แต่ ณ วันนี้ผู้บริหารบอกว่ายังไม่กระทบ
น.ส.ปิยะธิดา สนธิสมบัติ นักวิเคราะห์จาก บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 1/54 ของ KCE จะฟื้นตัวดี เพราะยอดสั่งซื้อกลับเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากปีก่อน เป็นผลจากนโยบายรุกสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต ซึ่งให้อัตรากำไร(มาร์จิ้น)สูง
สำหรับกรณีเหตุภัยพิบัติในญี่ปุ่นคงต้องรอวันนี้ผู้บริหารชี้แจงว่าจะมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหนในไตรมาส 2/54 ถึงครึ่งปีหลัง เพราะก่อนหน้านี้บอกว่าออร์เดอร์ใหม่ที่เข้ามาครึ่งปีแรกค่อนข้างมาก
น.ส.มินทรา รัตยาภาส นักวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน คาดว่า กำไร KCE ไตรมาส 1/54 น่าจะเห็นฟื้นตัวค่อนข้างดีเมื่อเทียบไตรมาส 4/53 โดยรายได้น่าจะพลิกขึ้นมาจากไตรมาส 1/53 และไตรมาส 4/53 ต้นทุนน่าจะได้ประโยชน์มากขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนลงเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า
ขณะที่ทิศทางไตรมาส 2/54 อาจมีผลกระทบเกิดขึ้นบ้างจากญี่ปุ่น แต่ในแง่ของผลกระทบที่ชัดเจนคงต้องรอถามผู้บริหารในวันนี้ ขณะที่ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ส่วนใหญ่จะเป็นค่ายรถยุโรป เช่น ออดี้ เบนซ์ มีแต่โซนี่ที่เป็นญี่ปุ่น แต่สัดส่วนออร์เดอร์ไม่น่าจะถึง 5% ถึงแม้บริษัทจะพยายามเข้าไปทำตลาดญี่ปุ่น แต่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทลูกของโตโยต้าและยังไม่ได้ออร์เดอร์มากนัก
"ก่อนมีเรื่องญี่ปุ่นผู้บริหารบอกยอดขายน่าจะ peak ไตรมาส 3 คงต้อง update ว่ายังมองเป็นเทรนนั้นอยู่หรือเปล่า จากเดิมตั้งเป้ารายได้ 270 ล้านเหรียญฯปีนี้ ราคาทองแดงที่รับได้ไม่ effect กับมาร์จิน อยู่ที่ 9,500-10,000 เหรียญฯ/ตัน แต่ถ้ามีผลในส่วนของญี่ปุ่นจะมีทั้งในแง่ยอดขายและมาร์จินก็อาจจะต่ำกว่าที่ประมาณการ"น.ส.มินทรา กล่าว
ราคาประเมิน KCE ปีนี้ให้ไว้ที่ 9 บาท อิงอัตรากำไรขั้นต้นที่ 22% คาดการณ์รายได้ที่ 265 ล้านเหรียญฯ ราคาหุ้นบวกขึ้นมา ก็น่าจะมาจากคาดผลประกอบการไตรมาส 1/54 ดีกว่าไตรมาส 4
ด้าน บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส กล่าวว่า บริษัทมีแนวโน้มการฟื้นตัวของธุรกิจในปี 54 อย่างรวดเร็ว หลังจาก 4Q53 ผลการดำเนินงานชะงักงันลง หลังลูกค้าประสบปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบ แต่พอมาถึง 1Q54 คำสั่งซื้อกลับมาดีอีกครั้ง พิจารณาได้จากการใช้กำลังการผลิตในทุกโรงงานที่ฟื้นตัวขึ้น คาดการณ์อัตราการเติบโตกำไรสุทธิปี 54 และ 55 เป็น 13% และ 10% ตามลำดับ