นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการออก Taiwan Depositary Receipts (TDR) ในประเทศไต้หวันเพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการระดมทุน ซึ่งหากออก TDR จะมีผลต่อ Dilution Effect ต่อหุ้น TICON ไม่เกิน 10%
"ถ้าไทคอนออก TDR ก็เป็นครั้งแรกที่เราใช้ผลิตภัณฑ์นี้และไปออกต่างประเทศ แต่ก็ต้องศึกษาดูต้นทุน ค่าใช้จ่ายว่าคุ้มค่าที่จะเลือกใช้การระดมเงืนในรูปแบบนี้หรือไม่"นายวีรพันธ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังมีการศึกษาแนวทางระดมทุนด้วยวิธีอื่น ๆ ในปีนี้ เพื่อลงทุนขยายกิจการทั้งในส่วนของการขยายโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า โดยในปีนี้จะมีแผนลงทุนราว 3,500-4,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากกระแสเงินสด เงินกู้ และการขยายกองทุนอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนหลักในปีนี้จะซื้อที่ดินประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเร็วๆนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาซื้อที่ดินเพิ่มที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะอยุธยา
บริษัทคาดว่าในปีนี้จะขายสินทรัพย์ราว 2.3 พันล้านบาทเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยจะขายเพิ่มเติมให้กับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ทีพาร์คโลจิสติกส์ (TLOGIS) เพิ่มอีก 930 ล้านบาทในเดือนก.ย.54 และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) 1.4 พันล้านบาทในเดือนพ.ย.54
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนออกหุ้นกู้ราว 1,000 ล้านบาท เพื่อนำมารีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่จะครบอายุไถ่ถอนในเดือนพ.ค.54 วงเงิน 500 ล้านบาทและในเดือนต.ค.54 วงเงิน 500 ล้านบาท
นายวีรพันธ์ คาดว่า ปีนี้บริษัทจะมีกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนมากกว่าปีที่แล้ว เพราะขนาดสินทรัพย์สูงขึ้นจาก 1.7 พันล้านบาท เป็น 2.3 พันล้านบาท โดยปกติกำไรจากการขายสินทรัพย์จะมีมาร์จิ้นประมาณ 40-45% และหวังว่าปีนี้บริษัทจะกลับมามีกำไรสุทธิทำสถิติใกล้เคียงกับที่เคยทำสูงสุดไว้
สำหรับรายได้ปีนี้คาดว่าจะสูงกว่าปีก่อน หลังจากธุรกิจกลับมาเติบโตทั้งส่วนโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า ทำให้มั่นใจรายได้รวมจะสูงกว่าปีก่อน 20% อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 1/54 รายได้คาดว่าจะใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะมีการขายและให้เช่าโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้พิเศษจากการขายสินทรัพย์ แต่ปีนี้ไม่มี ทำให้รายได้ออกมาใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาส 2/54 ดีต่อเนื่องเพราะมีลูกค้าเข้ามาคุยและรอเซ็นสัญญาค่อนข้างมากแล้ว
ขณะที่การลงทุนในประเทศจีน หลังจากเข้าไปตั้งบริษัท ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาที่จะซื้อคลังสินค้าหรือโรงงานที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังคงรอจังหวะเวลาให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในจีนปรับตัวลดลง โดยขณะนี้ราคาอสังหาฯที่เซี่ยงไฮ้ลดลงไป 30% แล้ว ส่วนการลงทุนในเวียดนามก็คงต้องชะลอออกไปก่อนอย่างน้อย 2-3 ปี เพราะเวียดนามมีปัญหาอสังหาฯแพงและมีเรื่องค่าเงิน
นอกจากนี้บริษัทเตรียมจะไปโรดโชว์ให้กับนักลงทุนต่างประเทศในวันที่ 6-7 พ.ค.นี้ที่สิงคโปร์โดยไปร่วมกับทางซิตี้กรุ๊ป