นายณฤทธิ์ เจียอาภา ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเฟรช อินดัสตรี(CFRESH) เปิดเผยว่า ในปี 54 คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะต่ำกว่าปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 143 ล้านบาท แม้ปีนี้คาดว่ายอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนที่มียอดขาย 2.39 พันล้านบาท และมีโอกาสเติบโตได้ถึง 50%
แต่เนื่องจากราคาวัตถุดิบ คือ กุ้งสด ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแล้วถึง 40% จากปีก่อน ขณะที่บริษัทมีการรับออเดอร์ล่วงหน้าไว้แล้ว ทำให้ไม่สามารถปรับราคาขายได้ตามราคาวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้นได้ ซึ่งราคากุ้งที่สูงขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ ทำให้ซัพพลายลดลง ประกอบกับผู้เลี้ยงกุ้งไม่ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/54 แม้ยอดขายเติบโต 100% ตามปริมาณและราคาที่เพิ่มขึ้น แต่คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/54 จะน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เชื่อว่าไตรมาส 2/54 กำไรจะกลับมาดีขึ้น เนื่องจากบริษัทได้เริ่มทยอยปรับราคาขายได้บ้างแล้ว
"กำไรปีนี้ไม่น่าจะดีกว่าปีก่อน เพราะเราขายล่วงหน้า ส่วนยอดขายคาดว่าโตไม่ต่ำกว่า 30% และหากราคาขายปรับขึ้นได้ ก็มีโอกาสโตได้ถึง 50% เพราะฐานลูกค้าและสินค้าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง"นายณฤทธิ์ กล่าว
สำหรับเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ บริษัทแทบไม่ได้รับผลกระทบในแง่ปริมาณวัตถุดิบ โดยบริษัทรับวัตถุดิบกุ้ง จาก 3 จังหวัด คือ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี ซึ่งฟาร์มเลี้ยงกุ้งที่สุราษฎร์ธานี ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จำนวนกุ้งที่เข้าโรงงานยังเป็นปกติ โดยปัจจุบัน บริษัทมีโรงงาน 4 แห่ง ในจ.ชุมพร มีกำลังการผลิต 2 หมื่นตัน/ปี จากกำลังการผลิตทั้งหมด 4 หมื่นตัน/ปี
ขณะที่เหตุการณ์ภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่น แต่ลูกค้าญี่ปุ่นของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาปกติ แต่จะมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่ ยังไม่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจเช่นเดียวกับ 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากธุรกิจกุ้งส่งออก มีการแข่งขันสูง จึงไม่มีกำไรมากติดต่อกันหลายปีแล้ว และไม่มีแผนการกู้เงินเพิ่ม เพื่อไม่เป็นภาระทางการเงิน โดยบริษัทจะรอให้ธุรกิจถึงจุดต่ำสุด ซึ่งขณะนี้ธุรกิจค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว
"นโยบายที่เราใช้ 3-4 ปีที่ผ่านมา เราไม่ลงทุนเพื่อขยายกิจการ เพื่อรักษาสภาพคล่อง มีแต่ปรับปรุงโรงงาน มาวันนี้ราคากุ้งขึ้นมามาก 30-40% และคิดว่าอนาคตของกุ้งก็เริ่มจะดีขึ้น" นายณฤทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจะเน้นการกระจายสินค้าใน 3 ตลาดในสัดส่วนใกล้เคียงกันประมาณ 30% คือตลาดสหรัฐ-แคนาดา , ยุโรป และญี่ปุ่น-เอเซีย ซึ่งในปี 53 บริษัทมีสัดส่วนธุรกิจกุ้งแปรรูป 61% กุ้งสดแช่แข็ง 39%