LH คาดจ่ายปันผลระหว่างกาลปีนี้สูงกว่าปีก่อน,มองหาธุรกิจซื้อหุ้นเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 26, 2011 17:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) เปิดเผยว่า บริษัทมีโอกาสที่จะจ่ายเงินปันผลระกว่างกาลในปี 54 ในอัตราสูงกว่าการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปีที่แล้วที่จ่ายไป 0.16 บาทต่อหุ้น เนื่องจากบริษัทมีกำไรจากการขายหุ้น บมจ. บางกอก เชน ฮอสปิทอล (KH)

และคาดว่ากำไรสุทธิในปี 54 จะเติบโตค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.97 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากการลงทุน การขายเงินลงทุน และจากกิจการของบริษัทเอง รวมทั้งในปีนี้ บมจ.บมจ.แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป(LHBANK)ซึ่ง LH ถือหุ้นใหญ่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 33% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.65 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดขายในปี 54 จะเติบโต 25% หรืออยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท จาก 2 หมื่นล้านบาทในปีก่อน

นอกจากนี้ ในปีนี้สัดส่วนรายได้จากการเช่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมีรายได้ 350 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีโครงการเทอร์มินัล 21 ซึ่งเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ ย่านอโศก จะเปิดให้เช่าในเดือนต.ค.นี้ โดยขณะนี้มีผู้สนใจกว่า 80-90% โดยโครงการดังกล่าวจะสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า จากปีนี้รับรู้รายได้เพียง 2 เดือน

นายอนันต์ กล่าวว่า ขณะนี้มีโอกาสที่บริษัทจะมองหาลงทุนในบริษัทอื่นเพิ่ม รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนหุ้นในบริษัทที่ LH ถือหุ้นอยู่แล้ว หลังจากที่บริษัทได้รับผลตอบแทนที่ดี ส่วนการขายหุ้นที่บริษัทถืออยู่นั้น คงเป็นแผนในอนาคตที่ไม่ใช่ในปีนี้ เพราะถือเป็นนโยบายของบริษัทอยู่แล้วที่จะขายหุ้นในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัท

"ที่ผ่านมามีคนสนใจขอซื้อหุ้นที LH ถืออยู่ ให้ราคาสูงกว่าในราคากระดานด้วย แต่เราก็มองว่า หุ้นที่เราถืออยู่ยังให้ผลตอบแทนที่ดีกับเรา รวมถึงผู้ถือหุ้น ก็คงยังไม่เห็นในช่วงนี้"ประธานกรรมการ LH กล่าว

ส่วนนโยบายการใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS) ที่เริ่มในปี 54 นั้น นายอนันต์ กล่าวว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการใช้ IFRS เพราะบริษัท ดำเนินนโยบายสร้างบ้านเสร็จก่อนขายไม่กระทบผลการดำเนินงาน ขณะที่มาตรการของภาครัฐที่จะมีแพ็คเกจสินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% ใน 2 ปีแรกนั้น ก็ไม่กระทบกับบริษัทเพราะปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท เพียง 10% ซึ่งถือว่าไม่มาก และมองว่ามาตรการนี้จะได้ประโยชน์ในวงจำกัด

นายอนันต์ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น บริษัทก็ไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่กลับมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้นจะทำให้ธนาคารพาณิชย์แข่งขันกันมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ขณะที่บริษัทจะบริหารต้นทุนการเงินให้ลดลง ได้ด้วยการออกหุ้นกู้ ซึ่งหุ้นกู้ที่จะออกใหม่จะมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ ประมาณกว่า 3.0% ต่ำกว่าหุ้นกู้เดิมที่มีอัตราดอกเบี่ย 4.6-5.0% ขณะที่ต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ยของบริษัทอยู่ที่ 4.0%

ในวันนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติวงเงินออกหุ้นกู้จำนวนไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ 1.5 - 2 พันล้านบาทในไตรมาส 3/54


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ