ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 เม.ย.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากบริษัทในสหรัฐและยุโรปรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด รวมถึงธนาคารยูบีเอส เอจี
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวขึ้น 61.02 จุด หรือ 0.84% ปิดที่ 7,356.51 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,278.52-7,359.97 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 23.41 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 4,045.29 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,009.82-4,048.00 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 หุ้นบลูชิพในตลาดยุโรปพุ่งขึ้น 0.3% ปิดที่ 1,145.96 จุด และดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 0.3% แตะที่ 281.23 จุด
ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชนเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกถ้วนหน้า โดยหุ้นยูบีเอส เอจี พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้สุทธิ 1.67 หมื่นล้านฟรังค์ (1.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ถึงสองเท่า
หุ้นพาร์มาลัท ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจอาหารในอิตาลี พุ่งขึ้น 11% หุ้นไมโคร โฟกัส อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทซอฟท์แวร์รายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 6.8%
หุ้นพูม่า ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าด้านกีฬารายใหญ่อันดับสองของยุโรป พุ่งขึ้น 5.8% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ในปี 2554 เป็น 3 พันล้านยูโร ภายหลังจากกำไรสุทธิในไตรมาสแรกพุ่งขึ้น 7.2% เป็น 77.7 ล้านยูโร
ส่วนหุ้นมิเชลิน ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่อันดับสองของโลก พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาสแรกทะยานขึ้น 28%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วลงตามราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลก หลังจากมีข่าวลือว่ามจีนได้ปรับเพิ่มอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงสำหรับธนาคารรายใหญ่ขึ้นเป็น 11.8% สำหรับปีนี้ โดยปรับขึ้นจากอัตราส่วนขั้นต่ำที่ 11.5% ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 1% และหุ้นแรนโกลด์ รีซอสเซส ดิ่งลง 2.1%
นักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วยุโรปจับตาดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนวันพุธที่ 27 เม.ย.ตามเวลาประเทศไทย รวมทั้งการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกของเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด