บมจ.กสท โทรคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2554 เพื่อให้มีการพิจารณาถึงความถูกต้องตามกฏหมายของสัญญาระหว่าง บมจ. กสท โทรคมนาคม และกลุ่มบมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ในการร่วมลงทุนเพื่อให้บริการสื่อสารในระบบ CDMA และ HSPA โดยได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งให้ กสท โทรคมนาคม ระงับการดำเนินการต่างๆ ภายใต้สัญญาดังกล่าวจนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ทั้งหมดจะได้ทำการตรวจสอบและรับรองการดำเนินการทางธุรกิจดังกล่าวตามขั้นตอนที่ถูกต้อง นั้น
กสท ขอยืนยันว่า การพิจารณาดำเนินการเข้าทำสัญญาระหว่าง กสท กับ กลุ่ม TRUE เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2554 โดยสัญญาหลักประกอบด้วย (1) สัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์วิทยุคมนาคมระบบ HSPA เพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ นั้นเป็นสัญญาที่ต้องปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ระเบียบว่าด้วยการพัสดุของ กสท และ (2) สัญญาบริการขายส่งบริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ (HSPA) ซึ่งเป็นสัญญาที่ต้องปฎิบัติตามประกาศหลักเกณฑ์ กทช. เรื่อง การประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภทการขายส่งบริการและบริการขายต่อบริการ
ดังนั้น จึงไม่เป็นสัญญาที่อยู่ภายใต้ต้องปฎิบัติตามหลักเกณฑ์ของ พ.ร.บ. ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมการงานแต่อย่างใด โดยก่อนลงนามผูกพัน กสท ได้มีการดำเนินตามขั้นตอนอย่างถูกต้องครบถ้วน โดยเงื่อนไขสัญญาทั้งหมดได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว
และภายหลังการลงนามสัญญา กสท ได้นำส่งสำเนาสัญญาขายส่งบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ต่อสำนักงาน กสทช. และ ได้แจ้งความประสงค์ขอเพิ่มบริการขายส่งบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ต่อสำนักงาน กสทช. ซึ่งเป็นการดำเนินการตามประกาศ กทช. เรื่องการประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภทการขายส่งบริการและบริการขายต่อบริการ พ.ศ. 2549
โดยการดำเนินการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ตามรูปแบบใหม่นั้น กสท จะมีบทบาทเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยดำเนินการภายใต้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมประเภทที่ 3 ซึ่งใช้เทคโนโลยี HSPA บนคลื่นความถี่ของ กสท เพื่อนำความจุของระบบ (Capacity) ในโครงข่าย ขายส่งให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. อันจะทำให้สามารถมีการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จากผู้ให้บริการหลายรายได้บนโครงข่ายเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนโครงข่ายของตนเอง ที่จะเป็นการลดการลงทุนซ้ำซ้อนกัน และส่งเสริมการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่
อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการแข่งขันในการให้บริการ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกในการใช้บริการได้ตามความต้องการของผู้ใช้บริการ โดย กสท มีหน้าที่ตามประกาศหลักเกณฑ์ ที่ต้องขายส่งบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้ผู้ประกอบการทุกรายโดยไม่เลือกปฏิบัติและภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน จึงไม่เป็นการกีดกันการแข่งขันทางการค้าแต่อย่างใด
สำหรับประเด็นที่ว่า การดำเนินการตามสัญญาดังกล่าวขัดต่อมาตรา 46 ของ พรบ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 นั้น เป็นกรณีที่ กสท ขายส่งความจุของระบบ (Capacity) ให้แก่ผู้ให้บริการขายต่อและเป็นกรณีที่ กสท ใช้คลื่นความถี่เอง โดย กสท เป็นผู้ขออนุญาตตั้งใช้สถานีวิทยุคมนาคม จึงเป็นการประกอบกิจการด้วยตนเอง มิได้เป็นการมอบสิทธิให้ผู้อื่นบริหารจัดการบางส่วนหรือทั้งหมด หรือมอบให้ผู้อื่นประกอบกิจการแทน
การดำเนินธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G HSPA ของ กสท นี้ เป็นการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยล่าสุดมาใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการแก่ประชาชน และยังเป็นการลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของประชาชนระหว่างประชาชน ในเขตเมืองและชนบท อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาประเทศ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการบริการสาธารณะ ทำให้มีการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง