บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE) เชื่อว่าการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทจะประสบความสำเร็จตามแผนงานที่วางไว้ แม้ว่าขณะนี้บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น(DTAC) ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองให้พิจารณาความถูกต้องของสัญญาร่วมให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ CDMA และ HSPA ระหว่าง CAT กับกลุ่ม TRUE รวมทั้งขอให้ศาลฯ ระงับการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับโครงการดังกล่าว
นอกจากนั้น TRUE ยังระบุว่า ทรูมูฟ เอช ซึ่งเป็นบริการภายใต้สัญญากับ กสท.จะเปิดให้บริการครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศได้ภายในปลายปีนี้
อนึ่ง TRUE มีแผนจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 6,727,436,752 หุ้น ซึ่งเป็นหุ้นที่เหลือจากการเพิ่มทุนครั้งที่ 1/2551 จะนำมาเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ตามสัดส่วนการถือหุ้นในอัตราส่วน 1 หุ้น : 08865 หุ้นใหม่ และกำหนดราคาเสนอขาย 1.95 บาท/หุ้น เปิดให้จองซื้อ 30 พ.ค. -3 มิ.ย.54 เพื่อนำเงินไปลงทุน 3G และชำระหนี้เงินกู้
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร TRUE ยังมั่นใจว่า ผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นในฝ่ายบริหารของบริษัท และบริษัทรู้ถึงความเสี่ยงในการเข้ามาซื้อกิจการของฮัชท์ และเห็นว่าราคาขายหุ้นเพิ่มทุนที่ต่ำกว่าในกระดาน จะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้มั่นใจว่าการขายหุ้นจะสำเร็จ แม้ DTAC ยื่นฟ้อง กสท. ก็ตาม
"บริษัทมั่นใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราได้ทำถูกต้องแล้ว...ขณะนี้เรายังมั่นใจว่าการขายหุ้นเพิ่มทุนจะสำเร็จ" นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าการทำสัญญาร่วมกับ กสท. มีความถูกต้องตามกระบวนกฎหมายและไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากอัยการสูงสุดแล้ว ต่างจากสัญญาสัมปทานของ DTAC ที่ชี้ชัดว่าเข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ มาตรา 22 และควรหยุดให้บริการเพื่อรอคำตัดสิน
"คิดว่าการกระทำของ DTAC ไม่เป็นการสร้างสรรค์ แต่กลับจะเป็นการถ่วงอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และจะกระทบกับผู้ใช้บริการของฮัชท์ที่มีอยู่กว่า 1 ล้านราย จากการให้บริการมากว่า 9 ปี"นายศุภชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแนวคิดจะฟ้องกลับ DTAC แต่ในอนาคตหากพิจารณาแล้วเห็นว่าการฟ้องกลับจะทำให้ DTAC และผู้บริการรายอื่นได้รู้ว่าจะเกิดอะไร และต้องการชี้ให้ศาลเห็นถึงผลกระทบว่าหากมีการระงับสัญญาณการให้บริการ บริษัทก็อาจจะดำเนินการฟ้องกลับ
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าที่เปิดแคมเปญโปรโมชั่นการให้บริการ HSPA กับลูกค้า CDMA ของ ฮัทช์ เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการให้อยู่หลักแสนราย จากช่วงเริ่มต้นที่อยู่หลักหมื่นราย โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายการให้บริการครอบคลุมมากกว่า 20 จังหวัดในเดือน ส.ค.54 จากปัจจุบันอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ 5 เมืองใหญ่ และตั้งเป้าหมายให้บริการครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศภายในสิ้นปี 54
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า การที่ TRUE ได้มีสัญญากับ กสท.ไม่ได้เป็นการต่ออายุสัญญาสัมปทาน แต่เป็นสัญญาเช่าเครื่องและอุปกรณ์ระบบ HSPA และสัญญาบริการขายส่งบริการโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ HSPA ซึ่งหลังจากให้บริการระบบดังกล่าวจะทำให้ EBITDA margin เพิ่มเป็น 37-40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30%
ขณะที่ DTAC,ADVANC มีกระแสเงินสดจำนวนมาก และมี EBITD A margin 40% สามารถหาเงินลงทุนในระบบ HSPA ได้ไม่ยาก แต่ DTAC กลับเลือกวิธีการฟ้อง กสท.ที่ทำสัญญากับบริษัท ซึ่งคาดว่า DTAC ไม่ต้องการลงทุน แต่เลือกที่จะชะลอการดำเนินการให้บริการ 3G ของบริษัทและ กสท.
"เรายังไม่ตัดสินใจฟ้องกลับ ในทางกลับกันทางดีแทคได้ฟ้องเราให้หยุดสัญญาและหยุดการดำเนินการทั้งที่สัญญาของดีแทคเองก็เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ก็ไม่รู้ว่าอุตสาหกรรมนี้จะเกิดอะไรขึ้น แต่ถ้าจะทำให้เขา (ดีแทค) หยุด ก็อาจจะต้องทำ" นายศุภชัย กล่าว
การที่บริษัทเข้าทำสัญญากับ กสท. เนื่องจาก TRUE MOVE ใกล้หมดสัญญาสัมปทานอีก 2 ปี จึงต้องหาแนวทางการให้บริการต่อเนื่อง ซึ่งหลังการทำสัญญากับ กสท. กลุ่ม TRUE จะมีสัญญาเพิ่มขึ้นอีก 14 ปี และหากกลุ่ม TRUE ไม่มีการให้บริการ 3G ต่อเนื่อง จะเหลือผู้ให้บริการเพียง 2 รายคือ ADVANC , DTAC ซึ่งมีผู้ถือหุ้นต่างชาติ
ทั้งนี้ นายศุภชัย กล่าวย้ำว่า การเปิดแถลงข่าววันนี้เพื่อย้ำจุดยืนของกลุ่ม TRUE ที่มั่นใจว่าได้ทำสัญญากับ กสท.อย่างถูกต้อง และจะยืนเคียงข้างกับ กสท.ในการต่อสู้คดีฟ้องร้องที่เกิดขึ้น