นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล(JAS) คาดว่ากำไรสุทธิปี 54 จะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 663 ล้านบาท โดยคาดว่าระดับอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 15% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน เนื่องมาจากการที่บริษัทมีลูกค้า wifi ที่ได้มีความร่วมมือกับ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือเอไเอเอส เพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งสิ้นปีนี้คาดว่าผู้ใช้บริการ wifi จะเพิ่มเป็น 4-5 แสนรายหลังจากทำแคมเปญมาเพียง 1 เดือน มีลูกค้าเข้ามาแล้วถึง 1 แสนราย
นอกจากนี้คาดว่าการให้บริการธุรกิจบรอดแบนด์จะเติบโตตามเป้าหมาย โดยมียอดลูกค้าเพิ่มเป็น 1 ล้านรายในปีนี้ จากสิ้นปีก่อนที่มี 8 แสนราย
"ไตรมาส 1/54 รายได้และกำไรของบริษัทจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หลังจากยอดลูกค้าบรอดแบรนด์ใหม่เพิ่มอีก 7.2 หมื่นราย หากคู่แข่งประกาศยอดลูกค้า ณ สิ้นไตรมาส 1/54 เชื่อว่าเราจะมีมาร์เก็ตแชร์ขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 แซงทรูเป็นครั้งแรก ส่วนจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งหรือไม่ คงต้องรอดูการทำตลาดบรอดแบนด์ของทีโอที ที่ก่อนหน้านี้มีปัญหา แต่ปัจจุบันมีกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่แล้วอาจจะกลับมามีการแข่งขันที่สูงขึ้น"นายพิชญ์ กล่าว
สำหรับการทำ Co-Brand ร่วมกับเอไอเอส ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมียอดลูกค้าเพิ่มจาก 2 หมื่นราย เป็นเกือบ 1 แสนรายในเวลาเพียง 1 เดือน และเชื่อว่า ตลาดยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องความแออัดของช่องสัญญาณ โดยล่าสุดบริษัทมีแผนเพิ่มช่องสัญญาณจาก 25 Kbps เป็น 35 Kbps
บริษัทเชื่อว่ารายได้จากธุรกิจบรอดแบนด์และ wifi จะเติบโตต่อเนื่องในปี 55 โดยเป้าหมายจะมีลูกค้าบรอดแบนด์เพิ่มเป็น 2 ล้านรายในปี 56 ส่วน wifi ก็คงมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง จะเห็นได้จากที่ผ่านมาที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด คาดว่ารายได้จากธุรกิจทั้ง 2 ด้านจะช่วยชดเชยรายได้จากสัมปทานของบริษัทจะหมดอายุลงในเดือน ต.ค.54 อีกทั้งบริษัทไม่ต้องรับภาระการขาดทุนและหนี้สินของ บมจ.ทีทีแอนด์ที(TT&T)
นายพิชญ์ กล่าวว่า ราคาหุ้น JAS ที่ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนทำนิวไฮในเช้านี้ เชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากที่นักลงทุนเห็นการสัญญาณว่าบริษัทมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยเฉพาะในส่วนกำไรสุทธิ คาดว่าจะเติบโตดีกว่ารายได้
ราคา JAS ปิดภาคเช้าวันนี้ อยู่ที่ 3.58 บาท บวก 0.20 บาท (+5.92%) มูลค่าซื้อขายหนาแน่น 1,293 ล้านบาท