SSI คาดปริมาณขายปี 55 เพิ่มเป็น 3.5 ล้านตันหลังซื้อโรงถลุงเหล็กอังกฤษ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 28, 2011 16:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน วิริยประไพกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) คาดว่า ปริมาณขายผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วนของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2.24 ล้านตันในปี 53 เพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านตันในปี 55 หลังจากบริษัทประสบความสำเร็จในการลงทุนในสินทรัพย์ โรงงานถลุงเหล็กและผลิตเหล็กกล้าครบวงจร “สหวิริยาสตีล ทีไซด์" ประเทศอังกฤษ โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น และ สถาบันการเงิน เป็นอย่างดี จนทำให้สามารถบรรลุผลการซื้อขายและมีการส่งมอบสินทรัพย์ดังกล่าวในวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา

และส่งผลให้เอสเอสไอเป็นบริษัทลงทุนข้ามชาติที่มีธุรกิจเหล็กครบวงจรตั้งแต่ขั้นต้นน้ำถึงปลายน้ำแห่งแรกในอาเซียน สร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น นับจากนี้เอสเอสไอจะมุ่งมั่นทำให้สิ่งที่ลงทุนไปให้เริ่มมีผลตอบแทนคือการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคซึ่งจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้การดำเนินธุรกิจและแปรเป็นผลประโยชน์กับนักลงทุน รวมถึงสร้างผลตอบแทนให้กับผู้มีส่วนได้เสียได้อย่างยั่งยืน

"การเข้าลงทุนดังกล่าวทำให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนวัตถุดิบและปริมาณวัตถุดิบที่สม่ำเสมอ รวมถึงมีอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ เมื่อราคาเหล็กแท่งแบนปรับตัวเพิ่มขึ้น"นายวิน กล่าว

สำหรับภาวะอุตสาหกรรมเหล็กปีนี้คาดว่าจะยังคงมีปริมาณการบริโภคอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศและตลาดโลก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มฟื้นตัว ผลิตภัณฑ์เหล็กเป็นที่ต้องการสูงขึ้น โดยสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ได้ประมาณการเติบโตการบริโภคเหล็กในประเทศปีนี้ว่าจะเติบโตขึ้น 14% หรือคิดเป็นอัตราการบริโภคเหล็กประมาณ 15.5 ล้านตัน ซึ่งสอดคล้องกับสถาบันเหล็กโลกที่คาดว่าการบริโภคเหล็กจะเติบโตประมาณ 5.9% โดยมีอัตราการบริโภคเหล็กอยู่ที่ประมาณ 1,360 ล้านตัน ซึ่งเป็นอัตราการบริโภคเหล็กสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ และในปี 55 จะยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องที่อัตรา 6% หรือประมาณ 1,440 ล้านตัน

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 1/54 บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 12,033 ล้านบาท โดยคิดเป็นรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน จำนวน 11,946 ล้านบาทลดลงร้อยละ 14 และ 13 เมื่อเทียบกับรายได้รวม 13,976 ล้านบาท และรายได้จากการขายจำนวน 13,795 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปี 53

บริษัทและบริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิ 267 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 82 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2553 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิจำนวน1,456 ล้านบาท

นายวิน กล่าวว่า ท่ามกลางแรงกดดันด้านต้นทุนจากการปรับขึ้นของราคาสินแร่เหล็ก และถ่านโค้ก บริษัทยังสามารถรักษาระดับผลการดำเนินงานในอัตราที่น่าพอใจ เป็นผลมาจาก บริษัทสามารถรักษาค่าการรีด (Rolling Spread) ให้อยู่ในระดับสูง โดยมุ่งเน้นการขายสินค้าประเภทเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพพิเศษ(Premium Value Product)ซึ่งมีอัตรากำไรส่วนต่างที่ดี โดยยอดขายร้อยละ 42 เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพพิเศษ ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์เหล็กแผ่นชั้นคุณภาพสูง (High grade)ร้อยละ 21 ผลิตภัณฑ์คุณลักษณะเฉพาะ (Unique Product) ร้อยละ 12 และ ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มกับลูกค้า(Innovated Premium Value Product หรือ IVP) ร้อยละ 9

นอกจากนี้ บริษัทได้พัฒนาสินค้าใหม่ 3 ชนิดโดยเป็นเหล็กแผ่นชั้นคุณภาพใหม่ และมีลูกค้าใหม่ 4 ราย นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการทดลองผลิตภัณฑ์กับลูกค้าใหม่ในกลุ่มดังกล่าว 6 ราย คิดเป็นผลิตภัณฑ์ 10 ชนิด

อีกทั้ง บริษัทมีการตั้งสำรองการขาดทุนสินค้าคงเหลือ(stock loss) จำนวน 152 ล้านบาท ตามราคาตลาดตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี

บริษัทรับรู้ ส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัท เหล็กแผ่นรีดเย็นไทย จำกัด (มหาชน) (TCRSS) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน 15.3 ล้านบาท และบริษัทย่อย ประกอบด้วย บริษัท เวสท์โคสท์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (WCE) มีผลกำไรจากการดำเนินงาน 8.8 ล้านบาท และบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด (PPC) ที่มีผลกำไร 17.5 ล้านบาท

บริษัทรับรู้ผลขาดทุนจาก บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี สหราชอาณาจักร จำกัด (SSI UK) จำนวน 291 ล้านบาท จากบันทึกค่าใช้จ่ายในการซื้อทรัพย์สิน โรงถลุงเหล็กสหวิริยาสตีล ทีไซด์ และค่าใช้จ่ายในการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อซื้อทรัพย์สินดังกล่าว ในขณะที่หน่วยผลิตส่วนหนึ่งได้ดำเนินการผลิตอย่างต่อเนื่อง อาทิ โรงผลิตถ่านโค้ก และ โรงไฟฟ้าที่ผลิตและป้อนกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบสายส่งของรัฐบาล โดยโรงถลุงเหล็กสหวิริยาสตีล ทีไซด์ มีแผนจะเริ่มดำเนินการผลิต"เหล็กแท่ง"ในเดือนตุลาคม 54 นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ