ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 72.35 จุดหลังเฟดประเมินศก.เป็นบวก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 29, 2011 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยยอดการทำสัญญาขายบ้านในสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมี.ค. นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงขานรับการแสดงความคิดเห็นในด้านบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งปัจจัยดังกล่าวสามารถลดผลกระทบจากรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยลงในไตรมาสแรก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 72.35 จุด หรือ 0.57% แตะที่ 12,763.31 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 4.82 จุด หรือ 0.36% แตะที่ 1,360.48 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 2.65 จุด หรือ 0.09% แตะที่ 2,872.53 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงคึกคัก โดยดัชนีดาวโจนส์และดัชนีอื่นๆทะยานขึ้นปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่สามเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากเบน เบอร์นันเก้ เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะยังคงมีการขยายตัวในปีนี้ และอัตราว่างงานมีแนวโน้มปรับตัวลดลงด้วย

เบอร์นันเก้กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกภายหลังการประชุมเฟดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 3.1-3.3% ในปีนี้ และคาดว่าคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 8.4% ภายในปลายปีนี้ จากปัจจุบันที่ระดับ 8.8% นอกจากนี้ เบอร์นันเก้ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของตัวเลขการใช้จ่ายด้านการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 2.1-2.8% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 1.3-1.7%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้นเกินคาด 5.1% ในเดือนมี.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ

ยอดการทำสัญญาขายบ้านที่สูงขึ้นและการแสดงมุมมองในด้านบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของเบอร์นันเก้สามารถลดแรงกดดันที่ตลาดได้รับจากรายงานของทางการสหรัฐที่ว่า จีดีพีไตรมาสแรกปีนี้ขยายตัวเพียง 1.8% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 2.0% และต่ำกว่าไตรมาสสี่ปีที่แล้วที่สามารถขยายตัวได้ดีถึง 3.1% เนื่องจากราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย

ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 เม.ย. พุ่งขึ้น 25,000 ราย แตะระดับ 429,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ระดับ 404,000 ราย ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 392,000 ราย

ทั้งนี้ ตัวเลขจีดีพีที่ขยายตัวช้าลงส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 3.32% เมื่อคืนนี้ จากระดับของวันพุธที่ 3.35%

หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี) ปิดบวก 1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม พีแอนด์จีได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในปี 2554 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นเอ็กซอนโมบิลปิดลบ 0.5% แม้บริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.065 หมื่นล้านดอลลาร์ จากไตรมาสแรกปีที่แล้วที่ระดับ 6.3 พันล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในคืนนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยรายได้ส่วนบุคคลเดือนมี.ค. และกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีต้นทุนการจ้างงานไตรมาสแรกปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ