ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) ทำสถิติปิดบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ เพราะได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน ซึ่งรวมถึงแคทเตอร์พิลลาร์ และปัจจัยบวกจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและรายได้ส่วนบุคคลของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนมี.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 47.23 จุด หรือ 0.37% แตะที่ 12,810.54 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 3.13 จุด หรือ 0.23% แตะที่ 1,363.61 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 1.01 จุด หรือ 0.04% แตะที่ 2,873.54 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 3.7 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 2.4% ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 2% และดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้น 1.9% ซึ่งให้ดาวโจนส์ และ S&P 500 ทำสถิติพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2553 เมื่อพิจารณาเป็นรายสัปดาห์
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของแคทเตอร์พิลลาร์ และบริษัทอุตสาหกรรมรายอื่นๆ โดยหุ้นแคทเตอร์พิลลาร์ปิดพุ่งขึ้น 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ต่อหุ้น (EPS) ที่ 1.84 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ที่ 1.31 ดอลลาร์ พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ EPS ในปี 2554 เป็น 6.25-6.75 ดอลลาร์ จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 6 ดอลลาร์ เนื่องจากลูกค้าในแวดวงอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการก่อสร้างได้เพิ่มการสั่งซื้อเครื่องจักรล็อตใหม่แทนเครื่องจักรล็อตเก่า
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของแคทเตอร์พิลลาร์สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมและภาคการผลิตของสหรัฐยังคงแข็งแกร่งกว่าภาคส่วนอื่นๆในสหรัฐ
หุ้นกู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ปิดพุ่ง 12% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P 500 หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นเชฟรอนปิดบวก 0.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสสูงขึ้น เพราะได้ประโยชน์จากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันและกำไรจากการกลั่นน้ำมัน แต่หุ้นรีเสิร์ช อิน โมชั่น (RIM) ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบล็คเบอร์รี ปิดร่วงกว่า 14% หลังจากบริษัทปรับลดแนวโน้มคาดการณ์ผลประกอบการรายไตรมาส
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้แรงหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนมี.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.6% แตะที่ 6.07 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำสถิติปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 9 ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลในเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.5%