นายบัณฑิต โชติวรรณพร กรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีคำสั่งซื้อแล้วประมาณกว่า 30% ของกำลังการผลิตโรงงานคัดแยกถ่านหินแห่งที่ 2 ตั้งอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นตัน ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาส 2 บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้จากโรงงานแห่งนี้ไม่ต่ำกว่า 50% ของกำลังการผลิต
ทำให้เป็นไปได้ว่าในช่วงกลางปีบริษัทมีแนวโน้มที่จะปรับประมาณการณ์รายได้ทั้งปีเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ 1,000 ล้านบาท ตามการเติบโตที่เกิดขึ้น
หลังจากที่ผลประกอบการของบริษัทไตรมาส 1/54 บริษัทมียอดขาย 249 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 170% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 53 ที่มียอดขาย 92 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 19.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 330% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/53 ที่มีกำไรสุทธิ 4.6 ล้านบาท โดยการเติบโตดังกล่าวมาจากการที่บริษัทมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ควบคู่กับอุตสาหกรรมถ่านหินที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
"ยอดขายและกำไรดังกล่าวในไตรมาส 1 เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของปีนี้เท่านั้น เพราะยอดดังกล่าวยังไม่ได้เกิดจากการรับรู้รายได้จากโรงงานคัดแยกถ่านหินแห่งที่ 2 ที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป และเชื่อว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาส 2 ออกมาเป็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน"นายบัณฑิต กล่าว
กรรมการผู้จัดการ TCC กล่าวถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมถ่านหินว่า ในปัจจุบันอุตสาหกรรมถ่านหินมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ยมีอัตราการเติบโตปีละประมาณ 30% โดยจะเห็นได้จากการนำเข้าถ่านหินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นความต้องการใช้ภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากสถานการณ์พลังงานทางหลักอย่างน้ำมันที่มีการปรับตัวทางด้านราคามาอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีที่ท่าว่าจะชะลอตัวแต่อย่างใดในระยะนี้ ตลอดจนพลังงานทดแทนอย่างก๊าซธรรมชาติที่ยังมีปัญหาในเรื่องของราคาเช่นกัน ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องมีการพยุงราคา ไว้
ดังนั้น พลังงานถ่านหินจึงถือเป็นพลังงานทางเลือกที่ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการประกอบธุรกิจโดยส่วนใหญ่ที่จำเป็นต้องใช้พลังงานในการผลิต เพราะนอกจากจะสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ในเรื่องของราคายังถือว่าอยู่ในระดับราคาที่ผู้ประกอบการสามารถบริหารต้นทุนได้เป็นอย่างดี