บล.ทิสโก้มองการลงทุนตลาดหุ้นช่วงนี้ยากขึ้น แนะเน้นดูผลประกอบการ บจ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 4, 2011 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ทิสโก้ กล่าวในงานสัมมนา"หุ้นเด็ด-โต้คลื่น 1,115 จุด"ว่า ประเมินดัชนีหุ้นไทยเดือน พ.ค.นี้ น่าจะแกว่งอยู่ใกรอบ 1,060-1,115 จุด โดยแนวโน้มวันศุกร์ที่ 6 พ.ค.54 หากมีการประกาศยุบสภา เชื่อว่าตลาดหุ้นจะมีการตอบสนองในทิศทางบวก และเป็นการสยบข่าวการปฏิวัติ ประกอบกับสัปดาห์หน้ามีปัจจัยสนับสนุนในการจัดงานมันนี่เอ็กซโป ส่วนประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชาคงยังไม่ยุติ

อย่างไรก็ตาม ประเมินสัปดาห์หน้า ดัชนี SET มีโอกาส side way ในกรอบ 1,060-1,095 จุด ช่วงนี้แนะซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากต้นมิ.ย.คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก

ทั้งนี้ ช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.54 มองว่าลงทุนในตลาดหุ้นยากขึ้น เนื่องจากช่วงเดือน มิ.ย. ตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับฐานเพื่อรอดูหลังสถานการณ์หลังสิ้นสุดโครงการ QE 2 ของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์อาจกลับมาแข็งค่า และคาดว่าดอกเบี้ยเกือบทุกประเทศในเอเชียจะปรับขึ้น

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ช่วงต้นมิ.ย. คาดว่า กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในช่วงปลายเดือน มิ.ย.54 ขณะที่เงินเฟ้อในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 4.04% มากกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ 3.3% ซึ่งตลาดหุ้นกับเงินเฟ้อจะไม่ไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้คาดว่าผลประกอบการ บจ.จากนี้ไปจะไม่ดีเหมือนไตรมาส 1/54

ดังนั้น จึงมองตลาดหุ้นยังปรับขึ้นได้แต่คงไม่ดีนัก และและตลาดหุ้นไทยขณะนี้ถือว่าราคาแพง เพราะมี PE สูงถึง 13.5 เท่า หากเทียบกับจีนที่ PE ที่ 11 เท่า เกาหลีใต้ที่ 10 เท่า แต่ใกล้เคียงอินเดียที่อยู่ 13.8 เท่า ปีนี้

"ไตรมาส 3-4 ตลาดหุ้นไม่ดี เพราะดอกเบี้ยขึ้น ปีนี้ทางกลยุทธ์ต้องจัดการความผันผวนให้ดี หมั่นล้างพอร์ตเพราะหุ้นที่จะขึ้นรอบใหม่จะเปลี่ยนตัวเล่นไปเรื่อยๆ จะไม่ใช่หุ้นที่ถือเดือนก่อนหน้าแล้ว แต่ต้องมี stop loss...การที่จะเชียร์หุ้นไทยต้องเชียร์เรื่องการเติบโตของผลประกอบการดี ไม่ใช่ PE ต่ำแล้ว"นายวิวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ คาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะไม่เข้าซื้อหุ้นล็อตใหญ่ เพราะหุ้นไทยมีราคาสูง แต่อาจเลือกซื้อเป็นรายตัว ซึ่งนักลงทุนในประเทศถ้าจะซื้อหุ้นก็ควรจะซื้อช่วงนี้เพราะราคาลงมาแล้ว

ในส่วนของ บล.ทิสโก้ เดิมคาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 1,170 จุด ที่ยังมองขึ้นเพราะคาดผลประกอบการดี แต่ขณะนี้เริ่มประเมินยากขอประเมินแค่ช่วง 2 เดือนนี้ก่อน

หุ้นที่น่าลงทุนเดือนพ.ค.ได้แก่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง เช่น CPALL กลุ่มบันเทิง BEC กลุ่มนิคมฯ AMATA กลุ่มอสังหาฯ รับเหมา LPN, STEC และหุ้นผลประกอบการไตรมาส 1/54 ออกมาดี และแนวโน้มดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/54 เช่น CPF ,PHATRA, PTTCH,SYNEX, TOP


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ