ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 83.93 จุด เหตุนลท.ผิดหวังข้อมูลเศรษฐกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 5, 2011 06:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อรายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐประจำเดือนเมษายนที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดการณ์ และดัชนีภาคบริการของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ชะลอตัวในเดือนเมษายน ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 83.93 จุด หรือ 0.66% แตะที่ 12,723.58 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 9.30 จุด หรือ 0.69% แตะที่ 1,347.32 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 13.39 จุด หรือ 0.47% แตะที่ 2,828.23 จุด

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเผชิญกับปัจจัยลบจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดย ADP Employer Services ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านตลาดแรงงานในสหรัฐเปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 179,000 ตำแหน่งในเดือนเมษายน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 198,000 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการที่ชะลอตัวแตะระดับ 52.8 จุดในเดือนเมษายน ทำสถิติชะลอตัวลงหนักสุดในรอบ 8 เดือน และอยู่ต่ำกว่าระดับ 57.3 จุดในเดือนมี.ค. อีกทั้งยังอยู่ในระดับต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 57.4 จุด ดัชนีภาคบริการที่ซบเซากว่าที่คาดการณ์ไว้นี้ได้จุดกระแสความวิตกกังวลในภาคอุตสาหกรรมบริการ ซึ่งมีแรงงานราว 90% ของแรงงานในสหรัฐ

ขณะเดียวกัน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อคืนที่ผ่านมาท่ามกลางความวิตกกังวลต่ออุปสงค์ที่ลดลง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐรายงานว่า น้ำมันดิบสำรองของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 27 เมษายนเพิ่มขึ้น 3.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เกือบ 2 เท่า นอกจากนี้ ราคาโลหะมีค่าปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในจีน อินเดีย และสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มบริษัทน้ำมันส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง อาทิ หุ้นเอกซอนโมบิลลดลง 0.95% และหุ้นเชฟรอนตกลง 1.4%

สำหรับผลประกอบการภาคเอกชนนั้น ไทม์ วอร์เนอร์ บริษัทด้านธุรกิจบันเทิงรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกที่ลดลง 10% ส่งผลให้หุ้นของบริษัทร่วงลง 3.29% ขณะที่ผลกำไรสุทธิของเอโอแอลในไตรมาสแรกลดลงอย่างหนักอันเนื่องมาจากรายได้ในแผนกโฆษณาที่ลดลง ส่วนบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่อย่างคอมแคสท์ และซีบีเอสรายงานผลกำไรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นของซีบีเอสทะยานขึ้น 7.81%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ