ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 139.41 จุดหลังจำนวนคนว่างงานสหรัฐพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 6, 2011 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ พร้อมกับจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนเม.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากแรงขายที่ส่งเข้ากระหน่ำหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนัก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 139.41 จุด ปิดที่ 12584.17 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 12.22 จุด ปิดที่ 1335.10 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 13.51 จุด ปิดที่ 2814.72 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4.8 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

ในช่วงเช้านั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน แต่หลังจากนั้นไม่นานตลาดก็ร่วงลงมาเคลื่อนไหวในแดนลบเมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.พุ่งขึ้น 43,000 ราย แตะระดับ 474,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนส.ค.ปีที่แล้ว และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 410,000 ราย

การพุ่งขึ้นของจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมกับจับตาดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payrolls) เดือนเม.ย.ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ตามเวลาไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 186,000 ตำแหน่ง น้อยว่าเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้น 216,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนเม.ย.จะทรงตัวที่ 8.8%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.3% ซึ่งเป็นกลุ่มที่ร่วงลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มต่างๆที่คำนวณในดัชนี S&P หลังจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลง 9.44 ดอลลาร์ แตะที่ 99.80 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการพุ่งขึ้นของจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐส่งผลให้นักลงทุนแห่ถือครองสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงน้ำมันและโลหะ

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนักนั้น ช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มสายการบินพุ่งขึ้น 3.2%

หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ร่วงลง 3% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มในอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐ แม้จีเอ็มรายงานว่ายอดขายรถยนต์ในตลาดสหรัฐเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 26.6% แตะที่ 232,538 คันก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็ตาม การที่จีเอ็มมีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 20.1% ช่วยให้จีเอ็มพลิกกลับมาเป็นบริษัทที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในตลาดสหรัฐ หลังจากถูกฟอร์ด มอเตอร์ ทำยอดขายแซงหน้าเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีเมื่อเดือนมี.ค.

หุ้นฟู๊ดส์ มาร์เก็ต อิงค์ ปิดบวก 0.4% หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาด ส่วนหุ้นเอสเต้ ลอเดอร์ ปิดบวก 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นสองเท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ