TKT คาดรายได้ Q2-3/54 รับผลกระทบลดยอดผลิตรถ, กำไรปี 54 ใกล้เคียงปี 53

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 6, 2011 11:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจุมพล เตชะไกรศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ที กรุงไทย (TKT) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/54 มีรายได้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ยอมรับว่าในไตรมาส 2/54 และไตรมาส 3/54 รายได้ของบริษัทได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นลดการผลิตรถยนต์จากกรณีเหตุภัยพิบัติ ซึ่งทำให้คำสั่งซื้อลดลง แต่หวังว่าในไตรมาส 4/54 คำสั่งซื้อจะกลับมาดีมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อที่ลดลง แต่บริษัทยังเชื่อมั่นว่าภาพรวมรายได้ปีนี้ยังเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 15% ขณะที่พยายามรักษาระดับกำไรสุทธิปีนี้ใกล้เคียงปี 53 ที่มีกำไรสุทธิ 40 ล้านบาท หลังได้รับผลกระทบจากการลดการผลิตรถยนต์ และบริษัทยังมีต้นทุนจากการขยายกำลังการผลิตเมื่อปลายปีก่อน แต่บริษัทจะพยายามรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 16-17%

"ผลกระทบที่เกิดขึ้นเกิดจากเหตุการณ์ไม่ปกติ ไม่ใช่จากภาวะเศรษฐกิจ ทำให้คาดการณ์ผลกระทบลำบาก เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากชิ้นส่วนต้นน้ำที่ขาดหายที่ไม่เกี่ยวกับบริษัท แต่เมื่อค่ายรถยนต์ผลิตรถยนต์ไม่ได้ ทำให้ไม่มีการสั่งซื้อชิ้นส่วนพลาสติกจากบริษัท...แม้เราจะได้รับผลกระทบในไตรมาส 2 และ 3 แต่ยังมองว่าไม่น่ากลัว เพราะความต้องการในตลาดไม่ได้ลดลง คนไม่ได้ขาดความเชื่อมั่น ซึ่งหากญี่ปุ่นเร่งสร้างโรงงานใหม่ ย้ายการผลิต ก็ยังมีออเดอร์กลับมาเยอะขึ้นกว่าเดิม" นายจุมพล กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายจากชิ้นส่วนรถยนต์ประมาณ 60% และชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า แม่พิมพ์ ประมาณ 30% ทำดังนั้น เมื่อผู้ผลิตรถยนต์ลดการผลิต ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ดังนั้นบริษัทจึงพยายามแก้ปัญหา โดยเร่งหาคำสั่งซื้อจากเครื่องใช้ไฟฟ้า แม่พิมพ์เพิ่มขึ้น เพื่อชดเชย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าบ้างแล้ว ขณะเดียวกันในช่วงนี้จะเป็นโอกาสให้บริษัทมีการปรับปรุงประสิทธิภาพภายในเพื่อเพิ่มประสทธิภาพการผลิตมากขึ้น

ในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุน 50 ล้านบาท เพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ และวางระบบซอฟแวร์ ERP ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงกระบวนการผลิตตั้งแต่การสั่งซื้อสินค้า การวางแผนการผลิต จนถึงระบบคลังสินค้า และการส่งมอบสินค้า ซึ่งจะทำให้ขึ้นตอนการทำงานต่างๆ มีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิต โดยคาดว่าจะทำให้ระดับอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 18% ภายใน 2-3 ปี

นายจุมพล กล่าวถึงการเจรจากับพันธมิตรต่างประเทศว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจามากกว่า 1 ราย ซึ่งยังมีรายละเอียดและเงื่อนไข ทั้งรูปแบบการลงทุนว่าจะเป็นในรูปแบบการร่วมลงทุนตั้งบริษัทใหม่ หรือ ร่วมทุนในธุรกิจเดิม คาดว่าจะมีข้อสรุปต้นไตรมาส 3/54

"ทั้งหมดยังอยู่ระหว่างการพูดคุย ยังมีรายละอียดเล็กน้อย แต่มีเป้าหมายที่ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกัน...เราต้องการให้ชัวร์ว่าตอบโจทย์ได้ ก็เหมือนคนที่จะแต่งงาน ส่วนจะเป็นการร่วมทุนแบบ joint venture หรือเปิดบริษัทตั้งโรงงานใหม่ ก็ต้องมาคุยกัน แต่สุดท้ายแล้วจะต้อง drive การเติบโตของ ที.กรุงไทย" นายจุมพล กล่าว

ทั้งนี้ หากการร่วมลงทุนมีข้อสรุปแล้วโดยใช้เงินลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาท บริษัทอาจไม่จำเป็นต้องระดมทุนใหม่เพิ่มเติม แต่หากลงทุนเกิน 200 ล้านบาท อาจต้องระดมทุนเพิ่ม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ