ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 54.57 จุด หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานเพิ่มสูงเกินคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday May 7, 2011 07:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ช่วงบวกถูกจำกัด หลังมีรายงานว่ากรีซกำลังพิจารณาที่จะออกจากยูโรโซน ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและราคาน้ำมันปรับตัวลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 54.57 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 12,638.74 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 5.10 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 1,340.20 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 12.84 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 2,827.56 จุด

หุ้นกลุ่มหลักๆปรับตัวขึ้นทั้งหมด นำโดยกลุ่มวัสดุและสาธารณูปโภค

วานนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 244,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 11 เดือน และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 186,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 221,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่ อัตราว่างงานในเดือนเม.ย.ขยับขึ้นสู่ระดับ 9.0% จากระดับ 8.8% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2553

ทั้งนี้ ข้อมูลจ้างงานที่แข็งแกร่งดังกล่าวส่งผลให้มีแรงซื้อทั่วกระดาน โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นมากกว่า 170 จุดเป็นเวลาสั้นๆในการซื้อขายภาคเช้า

อย่างไรก็ดี ช่วงบวกลดลงในการซื้อขายภาคบ่าย เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการคลังในยุโรปที่จุดปะทุขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากมีรายงานว่ากรีซกำลังพิจารณาที่จะถอนตัวออกจากกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 17 ประเทศ นอกจากนั้น ตลาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และราคาน้ำมันที่ยังคงอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง

หนังสือพิมพ์สปีเกลฉบับออนไลน์ของเยอรมนีรายงานว่า กรีซกำลังพิจารณาที่จะออกจากยูโรโซน และรัฐมนตรีคลังของทุกประเทศหลักในยุโรปกำลังประชุมกันอย่างลับๆ เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้เงินยูโรร่วงลงประมาณ 1.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่เงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเกือบ 1% เมื่อเทียบกับตะกร้าสุกลเงินหลักๆ

เงินดอลลาร์ที่แข็งค่าไม่เป็นผลดีกับบริษัทส่งออกของสหรัฐ และกระตุ้นให้ราคาน้ำมันซึ่งซื้อขายกันในสกุลดอลลาร์ปรับตัวลดลง โดยสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ในนิวยอร์ก ทรุดลง 2.62 ดอลลาร์ หรือ 2.63% ปิดที่ 97.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ตลาด ICE กรุงลอนดอน ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 1.67 ดอลลาร์ หรือ 1.51% ปิดที่ 109.13 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันที่ลดลงได้ฉุดให้หุ้นกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลง จากที่ดีดตัวแรงในการซื้อขายภาคเช้า หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักในการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสบดี

สำหรับความเคลื่อนไหวด้านผลประกอบการของบริษัทเอกชนนั้น วานนี้ บริษัทบัตรเครดิต วีซ่า รายงานผลกำไรน้อยกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้หุ้นวีซ่าลดลง 0.9% ขณะที่บริษัทวิศวกรรม ฟลูออร์ ทะยาน 7.89% หลังจากรายงานตัวเลขกำไรดีเกินคาด และปริมาณงานในมือ (backlog) ทะยานขึ้น

บริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ มีกำหนดการรายงานผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการในวันศุกร์ ขณะที่ดิสนีย์ โตโยต้า ซิสโก้ และเมซีส์ จะรายงานผลประกอบการรายไตรมาสในสัปดาห์หน้า

จนถึงขณะนี้ มีบริษัทจดทะเบียน S&P 500 จำนวน 437 แห่ง หรือ 87% ที่รายงานผลประกอบการแล้ว ซึ่ง 69% ในจำนวนนี้มีผลประกอบการสูงกว่าคาดการณ์ ขณะที่ 19% รายงานผลการดำเนินงานทางการเงินต่ำกว่าคาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ