วันนี้ศาลได้นัดฟังคำสั่งกรณีการเข้าถือหุ้นของบริษัท เอสบีเคฯ ใน SSC ซึ่งมีผลต่อการออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2554 ของ SCC เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้มีการสืบพยานเพิ่มเติมอีก 3 ปาก เนื่องจากที่ผ่านมามีการสืบพยานเพียงปากเดียว ซึ่งศาลได้มีคำสั่งตามคำร้องของโจทก์ให้สืบพยานเพิ่มเติมในวันที่ 11 พ.ค.นี้
อย่างไรก็ตาม ศาลแพ่งได้ให้ฝ่ายโจทก์วางเงินประกันความเสียหายเพิ่มเติมอีก 2.5 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ถือหุ้นรายย่อยของ SSC ฟ้องร้องเป็นคดีอาญา ในนามผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อฟ้องเอสบีเคฯ , ซันโตรี่, เป็ปซี่ โค และ เซเว่นอัพ ในความผิดมาตรา 247 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในการทำลักษณะความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมที่เข้าลักษณะเป็นการกระทำร่วมกับบุคคลอื่น (acting in concert) หลีกเลี่ยงการเทนเดอร์ โดยมีบทลงโทษจำคุก 2-7 ปี
นายธนา เบญจาธิกุล ทนายฝ่ายโจทก์ เปิดเผยว่า ฝ่ายโจทก์ ร้องขอเพิกถอนการซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัท ซันโตรี เบฟเวอเรจ แอนด์ ฟูด จำกัด ที่เป็นนักลงทุนต่างประเทศ กับ บริษัท เอสบีเค เบฟเวอเรจ เนื่องมาจากมีการทำ acting in concert หลังจากที่ ซันโตรีฯประกาศทำเทนเดอร์ เสริมสุข เมื่อปี 53 แต่ไม่สำเร็จ และใช้เวลารออีก 1 ปี จึงจะสามารถทำเทนเดอร์ำได้
แต่หลังจากนั้นซันโตรีฯได้ทำ acting in concert ขณะที่กฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า การที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคล มีการไล่ซื้อหุ้น ถือเป็นการหลีกเลี่ยงการทำเทนเดอร์ ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย
ขณะที่ เอสบีเคฯ มีการจัดตั้งบริษัท หลังจากที่ทางเป็ปซี่ โค เจรจาลดส่วนแบ่งค่าหัวเชื้อกับเสริมสุข เป็นเวลาเดียวกับที่ ซันโตรี่ฯ มีสิทธิเข้าซื้อหุ้น SSC ได้ แต่เป็นการซื้อผ่านช่องทางเอ็นวีดีอาร์ ซึ่งมีสิทธิรับเงินปันผล แต่ไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียง(โหวต) เพราะจะกลายเป็นนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นเกินสัดส่วนที่กำหนด
ทั้งนี้ มองว่า การที่ ซันโตรีฯ ซื้อหุ้น SSC ประมาณ 9% และ ขายหุ้น SSC ให้ เอสบีเคฯ ซึ่งมองว่า เอสบีเคฯเป็นนอมินีของซันโตรี จึงขอเพิกถอนการโอนสิทธิ และขอไต่สวนฉุกเฉิก
และในการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อ 29 เม.ย. ผู้ถือหุ้นต้องจดทะเบียนในศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ เพื่อดำรงการเป็นผู้ถือหุ้นและเพื่อมีสิทธิในการออกเสียง ในขณะที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยขอไต่สวนฉุกเฉิกเพื่อให้ศาลระงับการจดทะเบียนและไม่ให้สิทธิในการเข้าประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งศาลอนุญาต แต่ทางเอสบีเคฯได้ฟ้องกลับทางเสริมสุขและศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ที่ระงับการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น
ขณะที่ การจ่ายเงินปันผล ศาลมีการขอตั้งข้อสังเกตุว่า ใครจะได้รับสิทธิในเงินปันผล ซึ่งทนายฝ่ายโจกท์ ชี้แจงว่า เงินปันผลยังอยู่ที่เอ็นวีดีอาร์ ซึ่งซันโตรี หรือ เอสบีเค ยังคงมีสิทธิรับเงินปันผล
"หุ้นที่เอสบีเคฯซื้อมา ใช้สิทธิโหวตไม่ได้ เรารอการเพิกถอนการโอนหุ้นระหว่างซันโตรี กับ เอสบีเคให้เป็นที่สิ้นสุดก่อน...ผมไม่รู้ว่า เป็ปซี่ โค มีความพยายามที่จะเข้าประชุมผู้ถือหุ้น เพราะผมไม่ใช่ทนายฝ่ายจำเลย" นายธนา กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายธนา ให้ความเห็นว่า คดีที่เกิดขึ้นดังกล่าวน่าจะใช้เวลาเป็นปี กว่าคดีจะสิ้นสุด