(เพิ่มเติม) ศาลเลื่อนสืบพยานคดี"เอสบีเค"ขอถอนคำสั่งระงับโอนหุ้น SSC เป็น 11 พ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 9, 2011 13:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศาลแพ่งมีคำสั่งนัดสืบพยานโจทก์เพิ่มเติมในคดีที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยของ บมจ.เสริมสุข(SSC) ยื่นฟ้องบริษัท เอสบีเค เบฟเวอเรจ เป็นจำเลย ฐานซื้อขายหุ้น SCC โดยมิชอบ เพราะเป็นการดำเนินการโดยผ่านบริษัทตัวแทน(นอมินี) พร้อมทั้งขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการซื้อขายหุ้นดังกล่าว ขณะที่ทางเอสบีเคก็ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งระงับการซื้อขายหุ้น

วันนี้ศาลได้นัดฟังคำสั่งกรณีการเข้าถือหุ้นของบริษัท เอสบีเคฯ ใน SSC ซึ่งมีผลต่อการออกเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2554 ของ SCC เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้มีการสืบพยานเพิ่มเติมอีก 3 ปาก เนื่องจากที่ผ่านมามีการสืบพยานเพียงปากเดียว ซึ่งศาลได้มีคำสั่งตามคำร้องของโจทก์ให้สืบพยานเพิ่มเติมในวันที่ 11 พ.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม ศาลแพ่งได้ให้ฝ่ายโจทก์วางเงินประกันความเสียหายเพิ่มเติมอีก 2.5 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ถือหุ้นรายย่อยของ SSC ฟ้องร้องเป็นคดีอาญา ในนามผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อฟ้องเอสบีเคฯ , ซันโตรี่, เป็ปซี่ โค และ เซเว่นอัพ ในความผิดมาตรา 247 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในการทำลักษณะความสัมพันธ์หรือพฤติกรรมที่เข้าลักษณะเป็นการกระทำร่วมกับบุคคลอื่น (acting in concert) หลีกเลี่ยงการเทนเดอร์ โดยมีบทลงโทษจำคุก 2-7 ปี

นายธนา เบญจาธิกุล ทนายฝ่ายโจทก์ เปิดเผยว่า ฝ่ายโจทก์ ร้องขอเพิกถอนการซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัท ซันโตรี เบฟเวอเรจ แอนด์ ฟูด จำกัด ที่เป็นนักลงทุนต่างประเทศ กับ บริษัท เอสบีเค เบฟเวอเรจ เนื่องมาจากมีการทำ acting in concert หลังจากที่ ซันโตรีฯประกาศทำเทนเดอร์ เสริมสุข เมื่อปี 53 แต่ไม่สำเร็จ และใช้เวลารออีก 1 ปี จึงจะสามารถทำเทนเดอร์ำได้

แต่หลังจากนั้นซันโตรีฯได้ทำ acting in concert ขณะที่กฎระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า การที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคล มีการไล่ซื้อหุ้น ถือเป็นการหลีกเลี่ยงการทำเทนเดอร์ ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย

ขณะที่ เอสบีเคฯ มีการจัดตั้งบริษัท หลังจากที่ทางเป็ปซี่ โค เจรจาลดส่วนแบ่งค่าหัวเชื้อกับเสริมสุข เป็นเวลาเดียวกับที่ ซันโตรี่ฯ มีสิทธิเข้าซื้อหุ้น SSC ได้ แต่เป็นการซื้อผ่านช่องทางเอ็นวีดีอาร์ ซึ่งมีสิทธิรับเงินปันผล แต่ไม่มีสิทธิลงคะแนนเสียง(โหวต) เพราะจะกลายเป็นนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นเกินสัดส่วนที่กำหนด

ทั้งนี้ มองว่า การที่ ซันโตรีฯ ซื้อหุ้น SSC ประมาณ 9% และ ขายหุ้น SSC ให้ เอสบีเคฯ ซึ่งมองว่า เอสบีเคฯเป็นนอมินีของซันโตรี จึงขอเพิกถอนการโอนสิทธิ และขอไต่สวนฉุกเฉิก

และในการประชุมผู้ถือหุ้นเมื่อ 29 เม.ย. ผู้ถือหุ้นต้องจดทะเบียนในศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ เพื่อดำรงการเป็นผู้ถือหุ้นและเพื่อมีสิทธิในการออกเสียง ในขณะที่ผู้ถือหุ้นรายย่อยขอไต่สวนฉุกเฉิกเพื่อให้ศาลระงับการจดทะเบียนและไม่ให้สิทธิในการเข้าประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งศาลอนุญาต แต่ทางเอสบีเคฯได้ฟ้องกลับทางเสริมสุขและศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ที่ระงับการใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น

ขณะที่ การจ่ายเงินปันผล ศาลมีการขอตั้งข้อสังเกตุว่า ใครจะได้รับสิทธิในเงินปันผล ซึ่งทนายฝ่ายโจกท์ ชี้แจงว่า เงินปันผลยังอยู่ที่เอ็นวีดีอาร์ ซึ่งซันโตรี หรือ เอสบีเค ยังคงมีสิทธิรับเงินปันผล

"หุ้นที่เอสบีเคฯซื้อมา ใช้สิทธิโหวตไม่ได้ เรารอการเพิกถอนการโอนหุ้นระหว่างซันโตรี กับ เอสบีเคให้เป็นที่สิ้นสุดก่อน...ผมไม่รู้ว่า เป็ปซี่ โค มีความพยายามที่จะเข้าประชุมผู้ถือหุ้น เพราะผมไม่ใช่ทนายฝ่ายจำเลย" นายธนา กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายธนา ให้ความเห็นว่า คดีที่เกิดขึ้นดังกล่าวน่าจะใช้เวลาเป็นปี กว่าคดีจะสิ้นสุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ