ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงถ้วนหน้าเมื่อคืนนี้ (9 พ.ค.) หลังจากกสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าวิกฤตหนี้สาธารณะอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นในยูโรโซน
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 81.73 จุด หรือ 1.09 % ปิดที่ 7,410.52 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,379.97-7,489.09 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสร่วงลง 50.75 จุด หรือ 1.25% ปิดที่ 4,007.26 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 3,993.67-4,058.03 จุด
ดัชนี FTSEurofirst 300 หุ้นกลุ่มบลูชิพในตลาดยุโรปปิดลบ 0.41% แตะที่ 1,140.23 จุด และดัชนี STOXX Europe 600 หุ้นกลุ่มธนาคารของยุโรปดิ่งลง 1.3 %
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ยุโรป หลังจากเอสแอนด์พีประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของกรีซลงสู่ระดับ B จากระดับ BB- เนื่องจากความกังวลที่ว่ารัฐบาลกรีซต้องปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งอาจจะบีบให้กรีซต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินเพิ่มเติมเพื่อรักษาสถานะการเป็นสมาชิกของกลุ่มยูโรโซน
วิกฤตหนี้สาธารณะทำให้รัฐบาลกรีซยอมรับความช่วยเหลือด้านการเงินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) เมื่อเดือนพ.ค.ปีที่แล้ว เพื่อแลกกับการที่รัฐบาลต้องใช้มาตรการรัดเข็มขัดและปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างเฉียบขาด
รัฐบาลสามารถระดมทุนเพิ่มครั้งหลังสุดมูลค่า 1.625 พันล้านยูโร หรือ 2.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านการขายพันธบัตรอายุ 3 เดือนครั้งล่าสุด โดยให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.85% ซึ่งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นทำให้ตลาดวิตกกังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ หุ้นเอชเอสบีซี ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของยุโรปร่วงลง 0.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรหลังหักภาษีในยุโรปร่วงลง 65% แตะระดับ 652 ล้านดอลลาร์
ขณะที่หุ้นเซนทริกา ซึ่งเป็นบริษัทจัดหาพลังงานรายใหญ่ของยุโรปปิดร่วง 3.8% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้ เนื่องจากภาษีการผลิตในภูมิภาคทะเลเหนือปรับตัวสูงขึ้น