นายทศพล จินันท์เดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ.เจ.พลาสท์ (AJ) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/54 ที่จะประกาศออกมาถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 4/53 ซึ่งเป็นไตรมาสที่บริษัทมีรายได้สูงกว่าปกติ เนื่องจากราคาแผ่นฟิล์ม BOPP และ BOPA ปรับขึ้นต่อเนื่อง
"ยอดขายในไตรมาส 1/54 ยัง in line กับไตรมาส 4/53 จากการดำเนินธุรกิจปกติ หากไม่นับรวมรายการพิเศษ เช่นการขายเครื่องจักร กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพราะมีปัจจัยหนุนหลายอย่าง แต่ก็มีปัจจัยลบที่ราคา BOPP ปรับลดลง แต่ยังมีออเดอร์มากขึ้นจากเหตุการณ์ในญี่ปุ่นที่ทำให้ความต้องการอาหารจากไทยมากขึ้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้ต้องใช้แผ่นฟิล์มจากบริษัท ขณะเดียวกันผู้ผลิตแผ่นฟิล์มในญี่ปุ่นก็มีปัญหา ทำให้มีความต้องการแผ่นฟิล์มจากบริษัทมากขึ้น" นายทศพล กล่าว
สำหรับไตรมาส 2/54 คาดว่าจะมียอดขายสูงกว่าไตรมาส 1/54 เนื่องจากขณะนี้มีคำสั่งซื้อจากลูกค้าญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นถึง 100% จากไตรมาสก่อน แต่คงต้องมีการติดตามสเปรดแผ่นฟิล์ม BOPP ซึ่งเป็นสินค้าหลักราคาเริ่มลดลง แต่ยังมีการใช้กำลังการผลิตเต็มที่ ส่วน BOPA ราคาเริ่มทรงตัว
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าในปี 54 บริษัทจะมียอดขายเติบโต 20-30% ซึ่งได้รับผลดีจากเหตุการณ์ในญี่ปุ่น แต่คงต้องมีการติดตามสถานการณ์น้ำมันเป็นระยะ เนื่องจากมีผลต่อต้นทุนการผลิตของบริษัท ขณะเดียวกันในไตรมาส 4/54 บริษัทมีการติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อผลิตแผ่นฟิล์ม BOPET ที่จะรับรู้รายได้บางส่วนจากการผลิตที่เพิ่มขึ้น โดยเครื่องจักรใหม่จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มอีก 1 เท่าตัว จากกำลังการผลิตเดิม 32,000 ตัน เป็น 64,000 ตัน