TIPCO คาดรายได้ปี 54โต 20% พุ่งเป้าแตะหมื่นลบ.ปี 58,รุกหนักตลาดอาเซียน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 10, 2011 15:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิวัฒน์ ลิ้มศักดากุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ทิปโก้ฟู้ดส์ (ประเทศไทย)(TIPCO)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แผน 5 ปีของบริษัท(ปี 54-58)มีเป้าหมายจะทำรายได้รวมแตะ 1 หมื่นล้านบาท โดยเน้นการเติบโตในตลาดอาเซียนมากขึ้น ด้วยการสร้างแบรนด์ในตลาดนี้ทุ่มเงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งบริษัทตั้งเป้าหมายจะขยายสัดส่วนยอดขายตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปี 53 ทีมีสัดส่วนราว 5%

บริษัทคาดว่าในปี 54 รายได้รวมจะเติบโต 20% ขึ้นไป จากปี 53 ที่มีรายได้รวม 5.1 พันล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไร 147 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งมาจากเงินลงทุนใน บมจ.ทิปโก้แอสฟัลท์(TASCO)ที่คาดจะรับรู้ตามสัดส่วนการถือหุ้น 1 ใน 4 ซึ่งในปี 53 บริษัทรับรู้กำไรจาก TASCO จำนวน 250 ล้านบาท

"ปีนี้(54)ตั้งเป้ารายได้รวมโต 20% ขึ้นไป และถ้าจะสานฝันไปที่ปี 58 ที่ 1 หมื่นล้านบาท ก็ต้องโตปีละ 20% ขึ้นไป" นายวิวัฒน์ กล่าว

นายวิวัฒน์ กล่าวว่า การเติบโตของรายได้ในปีนี้จะมาจากสินค้าเครื่องดื่มเป็นหลัก เนื่องจากจะมีสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดมาก โดยปีนี้บริษัทจะออกสินค้าใหม่ 6-7 ตัว ส่วนใหญ่เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ช่วงไตรมาส 2/54 จะเปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ เดือนพ.ค.นี้จะมีน้ำผลไม้ 2 ตัว และเนเจอร์อัพ ส่วนที่เหลือจะเปิดตัวในไตรมาส 3/54

สำหรับธุรกิจส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น จากยอดขายน้ำผลไม้และผลไม้กระป๋องที่มีมากขึ้น และมีวัตถุดิบเพียงพอการผลิต ต่างกับปีที่ผ่านมาที่บริษัทประสบปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน และราคาแพง คุณภาพแย่ลง ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น แต่ไม่มีปัญหาเรื่องการขาย แต่บริษัทก็สามารถปรับราคาขายได้ตามต้นทุนที่สูงขึ้น

"ราคาสินค้าประเภทเครื่องดื่มตั้งแต่ต้นปียังไม่มีการขยับราคา แต่ถ้าจุดหนึ่งจำเป็นก็ต้องขยับ แต่ธุรกิจส่งออกขยับราคาขึ้นเฉลี่ย 10% ส่วนจะขยับอีกหรือไม่ต้องดูตามสภาพความเป็นจริง" นายวิวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัทเป็นยอดขายในประเทศ 50% และส่งออก 50% ซึ่งในปีนี้จะเติบโตทั้งยอดขายในและต่างประเทศพร้อมกัน จากปีก่อนส่งออกจะเติบโตน้อยกว่า อย่างไรก็ดี ปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงหลักๆ ได้แก่ เงินเฟ้อ ดอกเบี้ยปรับขึ้น จะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ค่าเงินบาทเริ่มแข็งอีกครั้ง และถึงแม้ปัญหาภัยแล้งจะลดน้อยลงแต่ต้นทุนแรงงานและราคาพลังงานก็แพงขึ้น

"ปีนี้เป็นห่วงเรื่องภัยธรรมชาติเพราะจะกลับมากระทบต่อการดำเนินชีวิตของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศกระทบต่อกำลังซื้อได้ ส่วนด้านดำเนินงานไม่กังวล มีเรื่องต้นทุนแพงขึ้น แรงงาน พลังงาน แต่ก็ขึ้นอยู่กับถ้ายอดขายดีขึ้นก็จะไม่กระทบ bottom line มาก เพราะค่าแรง พลังงานไม่ใช่ต้นทุนหลัก"นายวิวัฒน์ กล่าว

*โชว์ Q1/54 กำไรรายได้สูงขึ้นทั้ง YoY และ QoQ

นายวิวัฒน์ กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาส 1/54 ว่า ทั้งกำไรและรายได้คาดว่าจะดีกว่างวดเดียวกันปีก่อน และดีกว่าไตรมาส 4/53 โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มที่ทำยอดขายได้ดีกว่าแผนที่วางไว้ ส่วนธุรกิจส่งออกโดยรวมฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/53 อย่างเป็นรูปธรรม เพราะบริษัทสามารถปรับราคาขายให้สูงขึ้น มีปริมาณผลไม้มากขึ้น ทำให้ผลิตสินค้าเข้าตลาดได้มากขึ้น เป็นการพลิกกลับผลประกอบการได้อย่างน่าสนใจ

"ไตรมาส 2 ปกติยอดขายจะสูงสุดเพราะเป็นหน้าร้อน แต่ปีนี้ไม่ค่อยร้อน แต่ไม่ค่อยกังวลเรื่องดินฟ้าอากาศในปีนี้ไม่กระทบการขายเครื่องดื่มแต่จะเอื้ออำนวยธุรกิจส่งออกมากกว่า โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่เป็นแบรนด์ของเราเป็นไปตามความต้องการของตลาด"นายวิวัฒน์ กล่าว

ส่วนกรณีภัยพิบัติในญี่ปุ่น บริษัทไม่ได้ประโยชน์ เพราะตลาดญี่ปุ่นเป็นตลาดที่มีมาตรฐานและคุณภาพสินค้าที่แตกต่างตลาดอื่น แต่จุดมุ่งหมายในปีนี้จะรุกตลาดเครื่องดื่มในอาเซียนเป็นหลัก รวมไปถึงยุโรปและอเมริกา

นายวิวัฒน์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1/54 บริษัทเริ่มมีรายได้จากการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นในการผลิตสารสกัดจากพืชในเชิงพาณิชย์ โดยไทยเป็นฐานสกัดและนำไปแปรรูปเป็นสินค้าสำเร็จรูป รายได้เริ่มต้นไม่สูงมาก แต่ระยะยาวเชื่อว่าจะสร้างฐานรายได้ใหม่ให้บริษัทส่งไปขายทั่วโลก คาดว่าเมื่อถึงปี 58 จะมีสัดส่วนรายได้จากสารสกัดจากพืชราว 5% นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาพันธมิตรรายอื่นไปเรื่อยๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ