นายวรวัจน์ สุวคนธ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.น้ำตาลครบุรี คาดว่าจะสามารถนำหุ้น บมจ.น้ำตาลครบุรี เข้าซื้อขายในตลาดหุ้นได้ในวันที่ 27 พ.ค.54 หลังจากเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในช่วงวันที่ 19-23 พ.ค.54
ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการโรดโชว์ให้นักลงทุนสถาบัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 9-12 พ.ค.54 ซึ่งมีการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน และคาดว่าจะกำหนดราคา book build ในวันที่ 13 พ.ค.54
"เชื่อว่าน้ำตาลครบุรี จะเป็นหุ้นอีกตัวที่ได้รับความสนใจ เพราะการที่บริษัทมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 27% ในช่วง 3 ปี และอุตสาหกรรมน้ำตาลได้รับปัจจัยหนุนจากระดับราคาในตลาดโลกที่สูง รวมถึงนโยบายการจ่ายปันผลของบริษัทไม่น้อยกว่า 40% ที่จะช่วยดึงดูดนักลงทุนตัดสินใจซื้อหุ้น" นายวรวัจน์ กล่าว
บมจ.น้ำตาลครบุรี มีแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 176 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท จัดสรรให้นักลงทุนสถาบัน 35% ที่เหลือเป็นนักลงทุนรายย่อย โดยการกำหนดราคาขายหุ้น IPO จะมีส่วนลด(discount)ประมาณ 15-25% และเมื่อเทียบ PE น้ำตาลโลกอยู่ที่ 13-16 เท่า
นายวรวัจน์ กล่าวอีกว่า บล.กสิกรไทย ยังมีบริษัทจดทะเบียนที่ปรับเป็นที่ปรึกษาการเสนอขายหุ้น IPO อีก 1 รายเป็นธุรกิจยานยนต์ ขนาดระดมทุนประมาณ 500 ล้านบาท และธุรกิจก่อสร้าง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(SET) ขนาดระดมทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดเข้าจดทะเบียนได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
ด้านนายธกล ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.น้ำตาลครบุรี กล่าวว่า ในปี 54 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 10% เนื่องจากปริมาณอ้อยที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล มีราคาขายล่วงหน้าของฤดูการผลิต 54/55 เพิ่มขึ้น 30% หรือคาดการณ์ราคาน้ำตาลที่ 24 เซ็นต์/ปอนด์ ขณะที่ส่วนตัวมองว่าราคาน่าจะอยู่ที่ 20-25 เซ็นต์/ปอนด์
ทั้งนี้ คาดว่าฤดูการผลิตปี 54/55 จะมีการเพิ่มกำลังการหีบอ้อยเป็น 2.3 หมื่นตันอ้อย/วัน จากฤดูการผลิตปี 53 อยู่ที่ 2.1 หมื่นตันอ้อย/วัน นอกจากนี้จะมีการขายผลิตภัณฑ์น้ำตาลที่มีอัตรากำไรสูง เช่น น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และเพิ่มสัดส่วนการขายให้ลูกค้าอุตสาหกรรมและลูกค้าโมเดิร์นเทรด
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายไฟฟ้าและกากน้ำตาล จากปัจจุบันอยู่ที่ 20% ซึ่งสอดคล้องกับแผนการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในอีก 2 ปีข้างหน้า เป็น 8 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 5 เมกะวัตต์
นายธกล กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้ในการขยายธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้า และขยายกำลังการผลิตน้ำตาล ลงทุนพัฒนาอุปกรณ์จักรกลเกษตร พัฒนาพันธุ์อ้อย และบางส่วนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน