ดัชนีตลาดฯ เม.ย.ยังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเดือนที่ 3 สอดคล้องภูมิภาค

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 11, 2011 12:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ณ สิ้นเดือนเมษายน 2554 ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยปิดที่ระดับ 1,093.56 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 4.40% จากเดือนก่อนหน้า และปรับเพิ่มขึ้น 5.89% จากสิ้นปี 2553 สูงเป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียรองจากเกาหลีใต้

ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน 54 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในภูมิภาค ส่วนหนึ่งเกิดจากนักลงทุนต่างประเทศลงทุนเพิ่มขึ้นในประเทศที่มีปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจดี โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคอื่นที่มีความเสี่ยงสูงกว่า เช่น กลุ่มประเทศในภูมิภาคยุโรปที่มีวิกฤตหนี้สาธารณะในระดับสูง และการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสถาบันจัดอันดับ S&P ที่มีต่อประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาแยกตามดัชนีหลักทรัพย์รายอุตสาหกรรม พบว่า ดัชนีหลักทรัพย์ของทุกอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดย ณ สิ้นเดือนเมษายน 2554 ดัชนีหลักทรัพย์ของกลุ่มทรัพยากร คือ กลุ่มหลักทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด ขณะที่มีเพียงกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับดัชนีหลักทรัพย์ ณ สิ้นปี 2553

สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ( mai Index) ปิดที่ 293.83 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 5.12% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 7.71 จากสิ้นปี 2553

ราคาหลักทรัพย์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) ของทั้ง SET และ mai ปรับเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นเดือนเมษายน 2554 ของ SET อยู่ที่ 8,860,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.38% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า ขณะที่ของ mai มีมูลค่าอยู่ที่ 71,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 27.26% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีการเพิ่มทุนของ บมจ. สตีล อินเตอร์เทค (STEEL)

นอกจากนี้ ได้ส่งผลให้อัตราส่วนระหว่างราคาหลักทรัพย์ต่อกำไรสุทธิคาดการณ์ต่อหุ้น (forward P/E ratio) ของตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET) ณ สิ้นเดือนเมษายน 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 12.85 เท่า เทียบกับ 12.38 เท่าในเดือนก่อนหน้า และ 11.33 เท่า ในช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าดัชนีหลักทรัพย์ไทยได้ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องแต่ยังคงให้อัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสุดในภูมิภาค โดย ณ สิ้นเดือนเมษายน 2554 มีอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 3.53% ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ mai มีอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 3.90%

มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยรายวันของ SET และ mai ในเดือนเมษายน 2554 มีมูลค่าสูงสุดในรอบ 7 เดือนนับจากเดือนตุลาคม 2553 โดยมีมูลค่ารวม 36,017.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.55% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 44.45% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า ในเดือนนี้นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ด้วยมูลค่าซื้อสุทธิ 29,543.27 ล้านบาท ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนเมษายน 2554 นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 28,832.57 ล้านบาท นอกจากนี้ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์มีสถานะซื้อสุทธิ 983.54 ล้านบาทเช่นกัน ขณะที่นักลงทุนบุคคลในประเทศและนักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นผู้ขายสุทธิมูลค่า 14,757.89 และ 15,768.91 ล้านบาท ตามลำดับ

หากพิจารณามูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์แยกตามกลุ่มหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalization) และกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่าสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์กระจายตัวไปสู่หลักทรัพย์ขนาดเล็กเพิ่มขึ้นในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในกลุ่ม Non-SET50 เพิ่มขึ้นเป็น 29.84% ของมูลค่าการซื้อขายรวม เทียบกับ 24.04% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่มูลค่าการซื้อขายของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่ม SET10 ปรับลดลง

สำหรับตลาดอนุพันธ์มีปริมาณการซื้อขายรวม 619,678 สัญญา โดยมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวัน 30,569 สัญญา ซึ่งเป็นปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันสูงสุดนับตั้งแต่ตลาดอนุพันธ์เริ่มซื้อขายในเดือนเมษายน 2549 และเพิ่มขึ้น 3.73% จากเดือนมีนาคม 2554 ในเดือนนี้ตราสารประเภท Single Stock Futures (SSFs) และ Gold Futures ปรับเพิ่มขึ้นและมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มซื้อขาย โดย SSFs มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวัน 8,148 สัญญา ด้าน Gold Futures ขนาด 50 บาท มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 5,169 สัญญา และ Gold Futures ขนาด 10 บาท ที่มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ 4,979 สัญญา สำหรับปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันของ Interest Rate Futures ยังทรงตัวในระดับต่ำ

บริษัทจดทะเบียนมีการระดมทุนในรูปตราสารทุนมูลค่ารวม 5,303.39 ล้านบาท โดยระดมทุนในตลาดแรก 3,420.00 ล้านบาท จากกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิส (POPF) จำนวน 1 กองทุน ขณะที่มีการระดมทุนในตลาดรองมูลค่า 1,883.39 ล้านบาท ทั้งนี้ มูลค่าระดมทุนในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2554 มีมูลค่าถึง 47,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 เท่า (334.58%) จากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ