นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชีย กรีน เอนเนอจี(AGE) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่ายอดรายได้อยู่ที่ 5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 4.2 พันล้านบาท หรือเติบโต 80% จากปีก่อน และกำไรสุทธิคาดว่าจะเติบโตถึง 130% เนื่องจากปริมาณความต้องการถ่านหินเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งการขยายตลาดไปยังประเทศจีน ด้วยการส่งสินค้าโดยตรงจากเหมืองในอินโดนีเซียไปที่จีน ทำให้ค่าใช้จ่ายถัวเฉลี่ยลดลง
บริษัทคาดว่าปริมาณขายถ่านหินในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากที่ประเมินไว้เดิมที่ 1.9 ล้านตัน และเชื่อว่าปริมาณความต้องการยังมีต่อเนื่อง เห็นได้จากคำสั่งซื้อล่วงหน้าที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ล่าสุดมีสัญญาซื้อในมือแล้ว 2.5 ล้านตัน จึงทำให้คาดว่าเป้าหมายการเติบโตของรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาทน่าจะเร็วขึ้นเป็นปี 56 จากเดิมคาดว่าจะใช้เวลา 5 ปี
ด้านราคาขายถ่านหินเฉลี่ยในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 บาท/ตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 2,400 บาท/ตัน ซึ่งโอกาสที่ราคาขายจะลดลงในช่วงนี้มีน้อยมาก เพราะความต้องการของตลาดมีมาก แต่บริษัทก็มีการขายล่วงหน้าราว 20-30% เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงด้านราคามาก
สำหรับไตรมาส 2/54 คาดว่าจะมีรายได้และกำไรใกล้เคียงกับไตรมาส 1/54 หรืออาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยไตรมาส 1/54 บริษัทมีรายได้ 1.3 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 74.83 ล้านบาท และในช่วงไตรมาส 3/54 บริษัทอาจจะมีการพิจารณาปรับเพิ่มเป้ารายได้อีกครั้ง จากความต้องการถ่านหินที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากประเทศจีนที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทยังมีแผนจะเจาะตลาดต่างประเทศใหม่ ๆ ทั้งญี่ปุ่นและอินเดียในปี 55 และคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 50% ในปี 55 จากปัจจุบันอยู่ที่ 30-40% เนื่องจากตลาดต่างประเทศมีขนาดใหญ่กว่า และคำสั่งซื้อแต่ละครั้งเป็นล็อตขนาดใหญ่
นายพนม ยังกล่าวถึงแผนการซื้อเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียว่า คาดว่าจะสรุปรูปแบบการลงทุนได้ภายในปลายไตรมาส 3/54 ถึงต้นไตรมาส 4/54 ล่าช้าจากเดิมที่คาดว่าจะสรุปได้อย่างน้อย 1 แห่งภายในไตรมาส 2/54 เนื่องจากบริษัทต้องการพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบ โดยเฉพาะรูปแบบการเข้าซื้อ ทั้งซื้อแบบเหมาเหมือง, ร่วมทุน และซื้อกิจการทั้งบริษัท คาดว่าจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณ 1-2 พันล้านบาท ส่วนใหญ่จะมาจากเงินกู้