SMT เชื่อปี 54 กำไรโตกว่า 35%แม้รายได้ใกล้ปีก่อน,สรุปร่วมมือญี่ปุ่น Q3

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 11, 2011 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ส ไมโคร อิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย) (SMT) เปิดเผยว่า ในปี 54 บริษัทตั้งเป้ามียอดขายที่ 13,000 ล้านบาทใกล้เคียงปีก่อน ที่มียอดขาย 13,176 ล้านบาท เป็นรายได้จากสายงานไมโครอิเล็กทรอนิคส์(NNA) วงจรไฟฟ้ารวม (IC)

ส่วนกำไรสุทธิปีนี้คาดว่าเติบโตไม่ต่ำกว่า 35% เนื่องจากบริษัทเน้นผลิตสินค้าที่ให้อัตรากำไรสูง โดยไตรมาส 1/54 บริษัทมีกำไรสุทธิ 137 ล้านบาท เติบโต 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2-4/54 ยังเติบโตได้ต่อเนื่องในลักษณะขั้นบันได

"ไตรมาส 1 แม้จะดร็อปจากไตรมาส 4 ปีก่อน แต่คิดว่าในไตรมาสต่อไปจะปรับขึ้นไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง ซึ่งไตรมาส 1 เป็นช่วงการปรับตัวจากวิกฤติสึนามิในญี่ปุ่นที่กระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ และแม้ยอดขายรวมจะลดลง แต่อัตราการทำกำไรกลับสูงขึ้น เพราะสามารถขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงได้มากขึ้น"นายพลศักดิ์ กล่าว

สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ คาดว่าอยู่ระดับเกิน 6% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ 4.87% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิปีนี้น่าจะเกิน 5% จากปีก่อนอยู่ที่ 4.02% ซึ่งสูงขึ้นจากยอดขายสินค้าบลูโอเชี่ยน ที่มีมาร์จิ้นสูง

และในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนในธุรกิจหลักประมาณ 450 ล้านบาท และธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ใช้เงินลงทุน 40% จากเงินเพิ่มทุนเมื่อเดือน เม.ย.54 ที่มี 738 ล้านบาท โดยธุรกิจหลักจะนำไปใช้ลงทุนในการขยายกำลังการผลิตชิ้นส่วนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน จำนวน 50 ล้านบาท เซ็นเซอร์อัจริยะวัดระดับลมยางรถยนต์ (TPMS/MEMS) 45 ล้านบาท ผลิตชิป RFID จำนวน 150 ล้านบาท สินค้าประเภท IC 100 ล้านบาท

บริษัทยังมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตสินค้า IC เป็น 150 ล้านชิ้น/เดือน ภายในเดือน มิ.ย.54 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 120 ล้านชิ้น/เดือน และภายในสิ้นปีนี้ อาจเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 200 ล้านชิ้น/เดือน ซึ่งบริษัทมุ่งขยายตลาดไปยังประเทศไต้หวัน ที่มีกำลังซื้อสูง ส่วนเงินลงทุนอีก 100 ล้านบาท จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

บริษัทยังมีแผนร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นเพื่อผลิตสินค้าใหม่ประเภท RFID TAG คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 3/54 เบื้องต้นจะมีการผลิตสินค้าจากโรงงานของบริษัทก่อน โดยพันธมิตรญี่ปุ่นจะสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและบุคลากร และอนาคตจะมีการจัดตั้งบริษัทใหม่เป็นบริษัทย่อย

"เราจะร่วมกับพาร์ทเนอร์ญี่ปุ่น ทำสินค้าใหม่ โดยใช้เงินลงทุนไม่มาก ซึ่งจะมาจากเงินทุนหมุนเวียน ไม่ต้องเพิ่มทุนไม่กระทบผู้ถือหุ้น" นายพลศักดิ์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมกับพันธมิตรจากสหรัฐอเมริกาศึกษาแนวทางการผลิตชิป LED ที่นำมาใช้ในหลอดไฟที่จะช่วยประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งาน แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ