นายบัณฑิต โชติวรรณพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น(TCC) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้จากผลประกอบการในปี 54 หลังจากที่ไม่ได้จ่ายปันผลมานานกว่า 16 ปีแล้ว
เนื่องจากในปีนี้คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยรายได้จะเติบโตถึง 100% หรือมีรายได้กว่า 1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 474.7 ล้านบาท ตามปริมาณความต้องการถ่านหินที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาใช้ถ่านหินทดแทนมากขึ้น คาดว่าปริมาณการใช้ถ่านหินในปีนี้จะอยู่ที่ 4 แสนตัน จากปีก่อนที่อยู่ 2 แสนตัน
และจากปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะส่งผลต่อเนื่องกับรายได้ในไตรมาส 2/54 น่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากไตรมาส 1/54 ที่มีรายได้ 249.35 ล้านบาท จากการที่บริษัทมีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในประเทศ ควบคู่กับอุตสาหกรรมถ่านหินที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริษัทยังมีการรับรู้รายได้บางส่วนจากโรงงานคัดแยกถ่านหินแห่งที่ 2 ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งปัจจุบันมีออเดอร์ลูกค้าประมาณ 1 หมื่นตัน จากกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 6 หมื่นตัน รวมทั้งการเพิ่มปริมาณการส่งออกไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ส่งขายให้กับลูกค้าในประเทศจีน 1-2 ราย
"ปีนี้เราเติบโตค่อนข้างมาก จากราคาถ่านหินที่ปรับเพิ่มขึ้น และความต้องการถ่านหินที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่ม ทำให้คนหันมาใช้ถ่านหินมากขึ้นเพื่อทดแทน โดยเฉพาะพวกโรงงานอุตสาหกรรมที่ตอนนี้มีการปรับเปลี่ยนมาใช่ค่อนข้างมาก ราคาถ่านหินอาจเห็นการปรับตัวในช่วงสั้นๆ บ้างแต่ก็ยังมี room ที่จะปรับเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งผมประเมินว่าราคาถ่านหินในปีนี้ 140-150 เหรียญ/ตัน" นายบัณฑิต กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการเติบโตของธุรกิจส่งผลให้บริษัทมีแนวคิดที่จะซื้อเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อรองรับปริมาณความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ โดยเบื้องต้นอาจจะมีการนำหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 200 ล้านหุ้นที่ได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้เตรียมเสนอขายกับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)ไปใช้ลงทุนซื้อเหมืองดังกล่าว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 55