นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) มั่นใจว่า ในปี 54 บริษัทจะรักษาเป้าหมายรายได้ที่ 2,300 ล้านบาท หรือเติบโต 100% จากปีก่อน หลังจากไตรมาส 1/54 บริษัทมีรายได้รวม 470.49 ล้านบาท เติบโต 105.28% และมีกำไรสุทธิ 57.9 ล้านบาท เติบโต 1,178.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4.53 ล้านบาท
โดยช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังมีงานเปิดประมูลอีกจำนวนมาก ขณะที่มูลค่างานในมือ (Backlog) ปัจจุบันอยู่ในระดับประมาณ 1,600 ล้านบาท ดังนั้นบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรักษาเป้าหมายรายได้ในปี 2554 ไว้ที่ระดับ 2,300 ล้านบาท หรือเติบโต 100 % เมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ งานด้านผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง บริษัทจะยังคงรักษาระดับการเติบโตไว้ไม่น้อยกว่า 15% ขณะที่งานประมูลและก่อสร้างโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ บริษัทมี Backlog ในส่วนของงาน บริษัทโซลาต้าร์ จำกัด มูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ที่ต้องเร่งดำเนินให้เสร็จสิ้นและรับรู้เป็นรายได้ทั้งจำนวนภายในปีนี้ อีกทั้งบริษัทยังเข้าร่วมงานประมูลงานก่อสร้างกว่า 5,000 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานไตรมาส1/54 ถือว่าเติบโตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เป็นผลจากการจำหน่ายภายในประเทศที่ยังขยายตัวได้ดี ซึ่งรับรู้รายได้มากขึ้นในการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า ขณะที่การส่งออกไปยังต่างประเทศ ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมมากขึ้นจากประเทศมาเลเซีย, เวียดนาม และพม่า จึงมีแนวโน้มว่าธุรกิจของ GUNKUL ในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังสามารถขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และในปัจจุบันเรายังคงเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง" นางสาวโศภชา กล่าว
ส่วนงานด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของบริษัทย่อย คือ บริษัท กันกุลเพาเวอร์เจน จำกัด (ขนาด 30.9 เมกกะวัตต์ รวม 5 โครงการ) มีเป้าหมายจะเปิดจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในโครงการแรก เฟส 2 ที่อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ อีกจำนวน 4.4 เมกกะวัตต์ ภายในเดือนสิงหาคม 54 ทำให้บริษัทสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้รวม 7.4 เมกกะวัตต์ และจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการสอง ที่อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ อีก 8 เมกกะวัตต์ ทันที คาดว่าจะแล้วเสร็จและจำหน่ายไฟฟ้าได้ประมาณไตรมาส 1/55
ขณะที่การจัดทำโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 4 โครงการรวม 26 MW ของบริษัท จี พาวเวอร์ ซอร์ซ จำกัด นั้น ขณะนี้โครงการมีความคืบหน้ามากพอสมควร โดยบริษัทมีเป้าหมายจะจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบตามโครงการดังกล่าวช่วงไตรมาส 4/54 หากสามารถหาผู้ร่วมทุนได้ตามที่กำหนดแล้ว โดย GUNKUL จะคงสัดส่วนความเป็นผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ซึ่งจะทำให้ปลายปีนี้บริษัทสามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าภายใต้สัดส่วนของ GUNKUL ประมาณ 20 เมกกะวัตต์