นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนวิสาหกิจระยะยาว (Strategic Planning) จนถึงปี 2020 เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยคาดว่าแผนจะจัดทำได้เสร็จภายในเดือนก.ค.-ส.ค.นี้ และจะส่งแผนให้กับคณะกรรมการบริษัทพิจารณาได้ในเดือน ต.ค.54
"การจัดทำแผนวิสาหกิจระยะยาวฉบับใหม่ของ TOP เนื่องจากสถาการณ์ทางด้านต่างๆเปลี่ยนไป โดยเฉพาะสถานการณ์ต่างๆ ในปีนี้กับปีก่อนต่างกันมาก ดังนั้น จึงต้องมีการจัดทำแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และเตรียมแผนรองรับในอนาคตด้วย"นายสุรงค์ กล่าว
ทั้งนี้ แผนวิสาหกิจระยะยาวนี้ จะเป็นการวางแผนความเหมาะสมสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทในด้านต่างๆ ว่าควรจะขยายการลงทุนในด้านใด ซึ่งเบื้องต้นแนวทางพิจารณาจะแบ่งออกเป็น 2 แนวทาง คือ ทางกว้าง หรือทางลึก
สำหรับการขยายธุรกิจในทางกว้างจะเป็นการพิจารณาขยายกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก แต่ต้องเป็นการทำให้มีต้นทุนการผลิตต่ำลง โดยไม่เป็นเช่นนั้นก็จะมีการขยายไปในอีกแนวทางหนึ่ง คือ ขยายธุรกิจทางลึก หรือการขยายการลงทุนในผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องทั้งในส่วนของโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า และโรงกลั่นน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน
ส่วนแผนการซื้อโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ ก็เป็นเรื่องที่กำลังพิจารณาอยู่ในแผนงาน แม้ว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตัดสินใจในวันนี้ และยังเป็นแค่การศึกษาเพื่อการทำธุรกิจในระยะยาว "ปีนี้นับว่าเป็นปีที่ดีของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และการได้กำไรจากสต็อกน้ำมันที่ส่งผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นมาก แต่ไทยออยล์ก็เป็นห่วงในเรื่องของการบริหารจัดการการเก็บสต็อกน้ำมัน ประกอบกับต้องเพิ่มความสามารถในการผลิต ดังนั้น การจัดทำแผนธุรกิจต้องมีการศึกษาในเรื่องการทำโลจิสติกส์ เรื่องการพัฒนาพลังงานทดแทน และเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจากสารเบนซีน"นายสุรงค์ กล่าว