ฟิทช์ คงอันดับเครดิต ADVANC ที่ BBB+ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 12, 2011 15:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-term Foreign Currency Issuer Default Rating) ของบมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ AIS ที่ ‘BBB+’ อันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ (Long-term Local Currency Issuer Default Rating) ที่ ‘BBB+’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) ที่ ‘AA(tha)’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ที่ ‘F1+(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

อันดับเครดิตของ AIS สะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจของบริษัทที่แข็งแกร่งในฐานะผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยส่วนแบ่งรายได้ที่ 54% ในปี 2553 และความได้เปรียบทางโครงสร้างต้นทุนของบริษัท โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากชื่อเสียงทางการค้าที่เป็นที่รู้จักอย่างดี และระบบเครือข่ายที่ครอบคลุมและทั่วถึง

อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ถึงแม้ว่ารายได้จากบริการแบบเสียง (Voice service revenue) จะเติบโตในอัตราที่ลดลง แต่รายได้จากการบริการของบริษัทในปี 2553 ยังคงเติบโต 7.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้เนื่องมาจากการเติบโตของรายได้จากบริการที่ไม่ใช่เสียง (non-voice service revenue) ที่สูง ซึ่งได้ช่วยลดผลกระทบจากการเติบโตที่ลดลงของรายได้จากบริการแบบเสียง ถึงแม้ว่าบริษัทได้จ่ายเงินปันผลจำนวนมากในปี 2553 บริษัทยังคงมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงทรัพย์สินและหนี้สินดำเนินงาน (FFO adjusted net leverage) อยู่ในระดับที่แข่งแกร่งที่ 0.6x ณ สิ้นปี 2553

แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพของ AIS สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับต่ำ ถึงแม้จะมีการลงทุนที่สูงขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า การลงทุนในระบบ 3G ที่สูงอาจทำให้อัตราส่วนหนี้สินของ AIS เพิ่มขึ้นในช่วงที่เริ่มก่อสร้างโครงข่าย อย่างไรก็ตามฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำ ณ ปัจจุบันน่าจะทำให้บริษัทมีความคล่องตัวทางการเงินเพียงพอที่จะรองรับการลงทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวได้

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของ AIS ได้พิจารณารวมถึงความไม่แน่นอนทางด้าน นโยบาย กฎหมาย และกฎระเบียบของกิจการโทรคมนาคม ซึ่งรวมถึงการสอบสวนการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจำกัดการถือหุ้นของชาวต่างชาติให้เข้มงวดขึ้น และการแปลงสัญญาสัมปทานระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2G

นอกจากนี้ การแข่งขันด้านราคาที่เพิ่มขึ้นในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราส่วนกำไรของบริษัทได้

ปัจจัยที่อาจมีผลกระทบในทางบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้แก่ การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการที่ไม่ใช่เสียง (Non-voice revenue) ไปสู่ระดับที่สูงกว่า 20,000 ล้านบาทอย่างต่อเนื่อง โดยที่ประเด็นด้านกฎหมายและกฎระเบียบมีผลสรุปและแนวทางแก้ไขที่ไม่ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อบริษัท และบริษัทยังคงรักษาอัตราส่วน FFO adjusted net leverage ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 1.5 เท่าได้

ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงทางด้านกฎหมาย กฎระเบียบของกิจการโทรคมนาคมที่ส่งผลกระทบในแง่ลบต่อบริษัท การที่บริษัทมีอัตราส่วน FFO adjusted net leverage ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงกว่า 1.5 เท่า อย่างต่อเนื่อง และการปรับลดเพดานอันดับเครดิต (Country Ceiling) ของประเทศไทยซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ ‘BBB+’ อาจส่งผลกระทบในแง่ลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ