นายบวร วงศ์สินอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) คาดว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปีนี้ยังดีอยู่ โดยในไตรมาสนี้จะมีการหยุดซ่อมบำรุงโรง AR2 เพื่อเชื่อมต่อระบบที่จะเพิ่มกำลังการผลิตพาราไซลีนเป็นเวลาประมาณ 10 กว่าวัน จึงไม่น่าจะส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญกับผลประกอบการ
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจปิโตรเคมีของบริษัทดีขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีความต้องการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ และเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูป ทำให้สามารถทำกำไรได้เยอะมากขึ้น แม้ว่าจะมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น AR1 เป็นเวลาถึง 40 วันก็ตาม
ธุรกิจปิโตรเคมีก็มีโรงงานปิโตรเคมีในโลกหยุดการผลิตไปหลายโรงงาน ในขณะที่มีความต้องการในหลายประเทศยังคงเติบโต ประกอบกับยังไม่มีกำลังการใหม่เข้ามา แต่ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ จะเริ่มมีกำลังการผลิตใหม่จากประเทศเกาหลี และจีนเข้ามาในระบบ แต่โรงงานปิโตรเคมีที่หยุดไปยังไม่ได้กลับมาผลิต ทำให้ความต้องการพาราไซลีน และเบนซีนก็ยังมีเพิ่มขึ้น
ส่วนไตรมาส 3 และ 4 จะมีกำลังการผลิตใหม่ของพาราไซลีนเพิ่มขึ้น แต่ก็มีโรงงานพีทีเอ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตขวดเพ็ท และโพลีเอสเตอร์ เกิดขึ้นใหม่ จึงทำให้ความต้องการใช้พาราไซลีนเป็นวัตถุดิบในการผลิตพีทีเอยังมีอยู่มาก ส่งผลให้ราคาพาราไซลีนยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ด้านธุรกิจน้ำมันมองว่าความไม่สงบในตะวันออกกลาง และแอฟริกา ทำให้ราคายังอยู่ในระดับสูง แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันจะลดลงมาแต่ก็เป็นช่วงสั้นๆ ดังนั้นทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันก็ยังคงสูงต่อไป
นายบวร กล่าวถึงความคืบหน้าในเรื่องการควบรวมกิจการระหว่าง PTTAR และบมจ. ปตท.เคมิคอล (PTTCH) เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีการประชุมทีมงานร่วมสองบริษัทไปแล้ว เพื่อให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างการลงทุนในโครงการต่างๆ ของทั้งสองบริษัทฯ ซึ่งจะต้องมีการประชุมร่วมกันอีก 2-3 ครั้ง เพื่อที่จะปรับแผนการผลิตใหม่ภายใต้บริษัทฯ ใหม่
ดังนั้น โครงการลงทุนต่างๆ ภายใต้ PTTAR ก็จะต้องชะลอไปก่อนในขณะนี้ โดยจะเริ่มลงทุนใหม่หลังจากที่บริษัทได้ควบรวมเสร็จสิ้นแล้ว