ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มการเงิน อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะในยูโรโซน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษที่ขยายตัวต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 19.09 จุด หรือ 0.32% แตะที่ 5925.87 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยูโรโซน หลังจากเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของธนาคารกลางยุโรประบุว่า การปรับโครงสร้างหนี้ของกรีซนั้น นอกจากจะไม่ได้ช่วยกอบกู้วิกฤตหนี้ให้กับกรีซแล้ว ยังอาจสร้างความเสี่ยงอย่างมหันต์ให้กับประเทศอื่นๆในกลุ่มยูโรโซนด้วย
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังถูกกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษในเดือนมี.ค. ขยายตัวขึ้นเพียง 0.3% จากเดือนก.พ. ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8% ทั้งนี้เนื่องจากงานซ่อมบำรุงแหล่งน้ำมันและก๊าซซึ่งฉุดให้ผลผลิตในภาคพลังงานลดลง
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงหนักสุด โดยธนาคารบาร์เคลย์สร่วงลง 1.4% หุ้นพรูเดนเชียลดิ่งลง 1.8%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเฟรสนิลโล ออยล์ ปิดบวก 1.5% หุ้นปิโตรแฟค ซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมด้านพลังงานรายใหญ่ของอังกฤษ ปิดบวก 2.1% หลังจากบริษัทได้รับสัญญาการสำรวจแหล่งพลังงานในอัลจีเรียมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์
หุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ ปิดบวก 1.3% แตะที่ 1,348.5 เพนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี