ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) โดยมีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงฉุดดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบท่ามกลางความวิตกกังวลของนักลงทุนที่มีต่อภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 47.38 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 12,548.37 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 8.30 จุด หรือ 0.62 % ปิดที่ 1,329.47 จุด ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 46.16 จุด หรือ 1.63% ปิดที่ 2,782.31 จุด
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นถูกปกคลุมด้วยกระแสความวิตกกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่มีเพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กรายงานว่า การผลิตในนิวยอร์กชะลอตัวลงในเดือนพ.ค. เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น
โดยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ค.ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 11.88 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ 20 และร่วงลงจากเดือนเม.ย.ที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21.70
นอกจากนี้ ผลสำรวจที่เผยแพร่โดยสถาบัน National Association for Business Economics ระบุด้วยว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงจากที่คาดการณ์ไว้ในก่อนหน้านี้ เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจยังคงเผชิญกับแรงต้านในตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาคธุรกิจการเงินที่ซบเซา
นักเศรษฐศาสตร์ 41 รายได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2554 ลงจาก 3.3% เหลือ 2.8% แต่ยังคงคาดการณ์ถึงการขยายตัวที่ระดับปานกลางในปี 2555
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมในกรุงบรัสเซลส์เรื่องวิกฤตหนี้สาธารณะยุโรปอย่างใกล้ชิด หลังจากที่นายโดมินิก สเตราส์-คาห์น ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ถูกจับกุมตัวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศพนักงานทำความสะอาดในโรงแรม
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเกือบ 1.5% โดยมีหุ้นอะเมซอนดอทคอมดิ่งลงเกือบ 5% ส่วนหุ้นยาฮูร่วงลงกว่า 2% ขณะที่หุ้นกลุ่มวัสดุพื้นฐานเป็นหุ้นเพียงกลุ่มเดียวที่ปิดเคลื่อนไหวในแดนบวก ทว่าหุ้นกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นเพียง 0.10% หลังจากที่พุ่งไปกว่า 1% ในการซื้อขายช่วงเช้า