ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 68.79 จุดหลังสหรัฐเผยข้อมูลศก.อ่อนแอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 18, 2011 06:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่หดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน อันเนื่องมาจากผลกระทบของเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 68.79 จุด หรือ 0.55% แตะที่ 12,479.58 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 0.49 จุด หรือ 0.04% แตะที่ 1,328.98 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดขยับขึ้น 0.90 จุดหรือ 0.03% แตะที่ 2,783.21 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 4 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐเป็นปัจจัยลบที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนเม.ย.ร่วงลง 10.6% สู่ระดับ 523,000 ยูนิตต่อปี ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 568,000 ยูนิตต่อปี และตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้านใหม่เดือนเม.ย.ลดลง 4% สู่ระดับ 551,000 ยูนิต

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.ของสหรัฐปรับตัวลง 0.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 10 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% เนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อเดือนมี.ค.ในญี่ปุ่นส่งผลกระทบต่อการลำเลียงขนส่งชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับบริษัทผลิตรถยนต์ในสหรัฐ

การหดตัวลงของภาคการผลิตสหรัฐได้ฉุดหุ้นบริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่อย่างแคทเตอร์พิลลาร์ อิงค์ และโบอิ้ง ร่วงลงด้วย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า หากภาคการผลิตของสหรัฐหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทอุตสาหกรรมอ่อนแอลงด้วย

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากฮิวเล็ตต์-แพคการ์ด (เอชพี) ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการปี 2553 เนื่องจากความอ่อนแอของยอดขายพีซี ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นเอชพีร่วงลง 9% และยังฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงด้วย

หุ้นวอล-มาร์ท สโตเรส อิงค์ ร่วงลงเกือบ 1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในห้างค้าปลีกที่เปิดบริการมาเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 8 ไตรมาส ขณะที่หุ้นโฮม ดีโปท์ อิงค์ ปิดบวก 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาสแรกพุ่งขึ้น 12%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวันที่ 26-27 เม.ย. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนเม.ย. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ