นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฐิติกร (TK) เปิดเผยว่า การเติบโตของบัญชีเช่าซื้อในไตรมาสแรก จะทำให้รายได้และผลประกอบการของ TK ในไตรมาส 2/54 เพิ่มสูงขึ้นทำสถิติใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 10 โดยคาดว่าปัจจัยการเลือกตั้งเป็นตัวกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน ส่งผลให้ความต้องการรถจักรยานยนต์เติบโตต่อเนื่อง
"ที่เรามั่นใจมากก็เพราะว่ารัฐบาลได้ประกาศยุบสภาไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ บรรยากาศการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรากหญ้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับพืชผลการเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนรากหญ้าทั่วประเทศ แน่นอนว่าสถานการณ์นี้ ย่อมส่งผลดีต่อการซื้อจักรยานยนต์ทั่วประเทศ" นางสาวปฐมา กล่าว
และในส่วนของการผลิตรถจักรยานยนต์ ไม่ได้รับผลกระทบเช่นรถยนต์ โดยยอดการผลิตยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย ปัจจุบัน TK มีความพร้อมอย่างมากที่จะรับมือกับการเติบโตของตลาด ทั้งนี้เพราะ TK มีความพร้อมด้านการเงินเนื่องจากมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินคงเหลือประมาณ 4,000 ล้านบาท เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติให้คณะผู้บริหารดำเนินการออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาทในสกุลเงินบาทและ/หรือสกุลเงินต่างประเทศ อายุไม่เกิน 10 ปีนับตั้งแต่วันออกหุ้นกู้ จะยิ่งทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งทางการเงินเพียงพอต่อการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้ TK มีรายได้ประมาณ 776 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 9 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วโดยมีลูกหนี้เช่าซื้อเพิ่มขึ้น 5%จากไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้ บัญชีสินเชื่อเช่าซื้อที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการฝึกอบรมเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรกว่า 200 คนล่วงหน้ามาถึง 3 ปี ทำให้เมื่อภาวะตลาดรถจักรยานยนต์ ฟื้นตัวขึ้นทำให้ TK เติบโตอย่างก้าวกระโดด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการคัดเลือกลูกค้าจากระบบ Credit scoring ของบริษัททำให้คุณภาพสินเชื่อของ TK อยู่ในระดับดี ทำให้ในไตรมาสแรกของปีนี้ TK มีกำไรสุทธิประมาณ 146.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.29 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วในช่วงเดียวกันประมาณ 16%
สำหรับความคืบหน้าของการซื้อกิจการของบริษัท เซทเทเลม (ประเทศไทย) จำกัด TK ได้รับมอบกิจการ จาก BNP Paribas Personal Finance S.A.ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมแล้วทั้งหมด 100% และกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการนำฐานข้อมูลของเซทเทเลมเข้ามาผนวกกับฐานข้อมูลปัจจุบัน ของ TK ที่มีอยู่แล้ว 2 ล้านรายชื่อเป็น 3 ล้านรายชื่อ ส่งผลให้ TK ต้องปรับแผนเพิ่มพนักงานอีก 400 คน เพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว
"การซื้อกิจการของ เซทเทเลม นี้ถือว่าคุ้มค่าเพราะเพียงแค่เราขอตรวจสอบรายชื่อจาก Credit Bureau ก็มีค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ 35-70 บาทต่อรายชื่อ ซึ่งรายชื่อเหล่านี้ มีผลต่อการเพิ่มฐานลูกค้าและศักยภาพในการขยายตัวของธุรกิจของเราอย่างมากโดยเฉพาะการป้องกันหนี้สูญ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" นางสาวปฐมา กล่าว