โบรกฯหนุน"ซื้อ"STEC หลังกำไร Q1 โตกว่าคาด/backlog สูงเป็นประวัติการณ์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 18, 2011 11:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่หนุน "ซื้อ" บมจ.ชิโนไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) จากกำไรสุทธิไตรมาส 1/54 ที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ จากรายได้งานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง และงานก่อสร้างโรงไฟฟ้า

และแนวโน้มผลประกอบการที่เติบโตได้ดีต่อเนื่องจาก backlog ที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ยังไม่รวมงานประมูลอื่นๆ ที่มีโอกาสจะชนะ ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อรายได้บริษัทในอนาคตเพิ่มขึ้น

ขณะที่ราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อต้นทุนการก่อสร้างและกระทบต่อมาร์จิ้นของบริษัทบ้างแต่ถือเป็นเรื่องปกติของธุรกิจก่อสร้าง ส่วนการเลือกตั้งใหม่จะไม่มีผลกระทบต่อการประมูลงานของบริษัทแต่อย่างไร

            โบรกเกอร์              คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย(บาท)
            บล.กิมเอ็ง                ซื้อ                        16.80
            บล.กรุงศรีฯ               ซื้อเก็งกำไร                 14.50
            บล.ดีบีเอสฯ               ซื้อ                        16.62
            บล.ทิสโก้                 ซื้อ                        17.00
            บล.ฟินันเซีย ไซรัส          ซื้อ                        15.40
            บล.ยูไนเต็ด               ซื้อ                        15.50
            บล.ไอร่า                 ซื้อ                        17.30
            บล.ธนชาต                ซื้อ                        18.00

น.ส.เติมพร ตันติวิวัฒน์ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง กล่าวว่า จากผลประกอบการไตรมาส 1/54 ของ STEC ที่มีกำไรสุทธิ 167 ล้านบาท เติบโต 104% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้ 3,363 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 60.4% จากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญาที่ 2 และงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก 7 แห่ง และยังมีงานเซ็นสัญญาใหม่จากรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสัญญา 4 และงานสร้างโรงไฟฟ้าพีจีเอส สระบุรี

ขณะที่ประเมินว่าทั้งปี 54 บริษัทจะมีกำไรสุทธิ 678 ล้านบาท เติบโต 52% จากปี 53 หรือมีรายได้ 14,451 ล้านบาท เติบโต 55.5% โดยเป็นการประเมินจาก backlog ที่มีอยู่ประมาณ 48,000 ล้านบาทเท่านั้น แต่หากบริษัทมีการชนะการประมูลและเซ็นสัญญาโครงการใหม่จะยิ่งเป็นผลบวกต่อบริษัท ซึ่ง backlog ดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการเติบโตและกำไรสุทธิใน 2-3 ปีข้างหน้า

ส่วนการเลือกตั้งใหม่ ไม่น่าจะมีผลต่อการประมูลงานก่อสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งมองว่าบริษัทยังมีโอกาสสูงในการชนะการประมูลใหม่ในโครงการสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และส่วนต่อขยายสายสีเขียวอ่อน แบริ่ง สมุทรปรากร รวมถึงงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ

“มองความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทคงเป็นเรื่องวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเป็นปกติทั่วไปของธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และจะมีผลกระทบต่อมาร์จิ้น ซึ่งปีนี้มองว่ามาร์จิ้นน่าจะลดลงเล็กน้อย"น.ส.เติมพร กล่าว

บล.ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ว่า จากผลประกอบการของ STEC ในไตรมาส 1/54 ที่แข็งแกร่งมีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการก่อสร้างงานต่างๆที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่จำนวน 3,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน แม้ว่าอัตราส่วนกำไรลดลงเล็กน้อยจาก 8.6% ในก่อน เป็น 8.1% เนื่องจากสัดส่วนรายได้ส่วนใหญ่มาจากโครงการของรัฐ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งอัตราส่วนกำไรจะค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับงานของภาคเอกชน

ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการของ STEC ในอนาคตยังคงสดใส เนื่องจากรายได้จากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่จะเร่งตัวมากขึ้นใน ช่วงครึ่งปีหลังขณะที่งบการเงินของ STEC ยังคงแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีสถานะเป็นเงินสดสุทธิในไตรมาส 1/54 มีD/E สุทธิยังไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ -0.4 เท่า เงินสดในมือเพิ่มขึ้นจาก 2,000 ล้านบาทในสิ้นปี 53 มาที่ 2,500 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการจ่ายเงินอย่างมีประสิทธิภาพในการเซ็นสัญญาโครงการใหม่ๆเช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและโครงการ IPP

นอกจากนี้ มูลค่างานในมือในปัจจุบัน จำนวน 48,500 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกจากโอกาสโอกาสที่ดีที่จะชนะการประมูลโครงการขนส่งมวลชนและโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งการชนะประมูลโครงการใด ๆ จึงเป็น upside สำหรับผลประกอบการในอนาคต บริษัทแนะนำให้“ซื้อ"ด้วยมูลค่าที่เหมาะสม 17 บาท

บล.ธนชาต มอง STEC เป็นหุ้น Top Pick เนื่องจาก เมื่อเทียบกับคู่แข่ง STEC ได้ประโยชน์โดยตรงมากที่สุด เนื่องจากเป็นผู้รับเหมาที่ทำธุรกิจในประเทศเพียงอย่างเดียว อีกทั้ง STEC ยังเป็นบริษัทเดียวที่มีงบดุลที่แข็งแกร่งที่สุด มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด และปลอดหนี้

คาดว่ากำไรสุทธิของ STEC ปีนี้จะเติบโต 41% และปี 55 เติบโต 37% ผลักดันโดย backlog ที่ทำสถิติสูงสุด และมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในเรื่องการเพิ่มทุนต่ำที่สุด เนื่องจากเป็นบริษัทฯ ที่มีเงินสดสุทธิในปัจจุบัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ