SIRI ปรับเป้ายอดขาย Q2/54 เพิ่มเป็น 5 พันลบ.จากเดิม 4 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 18, 2011 16:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการพิจารณาและปรับแผนการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2/54 ใหม่ เพื่อให้สอดรับกับสภาวะการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจรวมทั้งทิศทางของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ล้านบาท หลังจากที่ภายในระยะเวลาเพียงเดือนเศษของไตรมาสที่ 2 บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้แล้วกว่า 50% ของเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 4,000 ล้านบาท

"การปรับเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจในครั้งนี้ นับเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ยอดขายรวมตลอดทั้งปีสำเร็จตามเป้าหมายระยะยาวที่วางไว้" นายเศรษฐา กล่าว

สำหรับผลประกอบการของกลุ่ม SIRI ในช่วงไตรมาส 1/54 สามารถปิดยอดขายได้กว่า 5,300 ล้านบาท คิดเป็นรายได้รวมกว่า3,639 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 216 ล้านบาท ซึ่งทั้งยอดขายและกำไรดังกล่าวเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของปีนี้เท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้จะมีการรับรู้รายได้จากการโอนส่งมอบที่อยู่อาศัยที่จะเกิดขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/54 เป็นต้นไป และเชื่อว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้การที่ภาครัฐได้ประกาศมาตรการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/54 จะส่งผลดีต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ดังนั้น SIRI จึงมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจเพื่อรองรับโอกาสการขยายตัว โดยหลังจากนี้จะมีการสร้างสต็อคที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเพิ่มขึ้น อาทิ โครงการ ทาวน์พลัส ประชาอุทิศ, ทาวน์พลัส เทพารักษ์, โครงการฮาบิทาวน์ วัชรพล, โครงการพร้อมพัฒน์ ไพร์ม และ V-Village เป็นต้น

ในช่วงไตรมาสแรก บริษัทสามารถปิดการขายโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมโครงการ Prive by Sansiri จำนวนทั้งสิ้น 78 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,250 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีคอนโดมิเนียมที่เปิดการขายและสร้างยอดขายอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ Quattro by Sansiri ซึ่งมียอดขายแล้วกว่า 80%, โครงการ The Base และโครงการ blocs77 มียอดขายแล้ว 85%, โครงการ dcondo รามคำแหงมียอดขายแล้วกว่า 90% และโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่โครงการ Hive Taksin ที่มียูนิตเหลือขายเพียง 15 ยูนิต

"จากสภาวะการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจรวมถึงทิศทางของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนี้ น่าจะช่วยกระตุ้นความมั่นใจของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้แน่นอน" นายเศรษฐา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ