บมจ.สตีล อินเตอร์เทค(STEEL) ตั้งเป้าปี 54 มีรายได้รวม 600 ล้านบาท โดยจะมาจาก บริษัท โซล่า เพาเวอร์ ราว 300 ล้านบาท และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนธุรกิจฉบับใหม่หลังควบรวมกิจการกับโซล่า และจะมีการปรับโครงสร้างบริษัทใหม่
นางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่าบริษัทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าประมาณ 300 ล้านบาท
"ปีนี้จะเป็นปีแรกหลังการควบรวมกิจการกับ STEEL ซึ่งจะทำให้ STEEL ที่มีรายได้จากธุรกิจเดิมประมาณ 300 ล้านบาท และจะมีรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าอีกประมาณ 300 ล้านบาท สัดส่วนการรับรู้รายได้จะใกล้เคียงกัน แต่ในปี 55 การรับรู้รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าจะมีมากขึ้น"นางวันดี กล่าว
ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ขนาด 6 เมกะวัตต์ จำนวน 34 โครงการ ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 204 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการรวมกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท จะทยอยเดินเครื่องและขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)ครบทุกโครงการในปี 56
สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์รวม 10 โครงการ แต่ละโครงการจะมีการรับรู้รายได้ราว 8-10 ล้านบาท/เดือน โดยโครงการโรงไฟฟ้าโรงที่ 2-3 จะเริ่มรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 2/54
นางวันดี กล่าวว่า การควบรวมกิจการกับ STEEL ได้รับอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)และนำหุ้นเข้ามาซื้อขายตั้งแต่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา และขณะนี้รอการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือน มิ.ย.เพื่อเปลียนชื่อบริษัท STEEL เป็น SPCG พร้อมกันนั้น บริษัทก็อยู่ระหว่างการจัดทำแผนธุรกิจและหาที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อการจัดหาทุนในส่วนของผู้ถือหุ้น และขณะนี้ยังคงผู้บริหารชุดเดิมไว้ก่อน แต่ในอนาคตจะมีการปรับโครงสรร้างการบริหารจัดการและโครงสร้างองค์กรให้แล้วเสร็จภายในปีนี้
"ในอนาคตธุรกิจเดิมของ STEEL จะใช้ต่อยอดธุรกิจโรงไฟฟ้าของโซล่า โดยจะเป็นการพัฒนาเข้าสู่ธุรกิจพลังงาน ซึ่ง STEEL จะผลิตโครงเหล็กยึดแผง โครงหลังคา ซึ่งจะทำให้รายได้ของบริษัทดีขึ้นด้วย"นางวันดี กล่าว
ส่วนโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 34 โครงการ มีธนาคารกสิกรไทยเป็นผู้สนับสนุนเงินกู้โครงการละประมาณ 440 ล้านบาท มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ.แล้ว ที่ค่า adder 8 บาท/หน่วย เป็นเวลา 10 ปี