นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์(SENA) คาดว่ารายได้ไตรมาส 2/54 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/54 แต่กำไรสุทธิจะดีกว่า หลังจากบริษทจะทยอยปรับราคาขายบ้านและคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น 3-5% ภายในปีนี้ ส่วนรายด้ทั้งปียังคงเป้าเติบโต 10-15% หรือแตะ 1.5 พันล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอาจใกล้เคียงหรือดีขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 316 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน 1.2 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 80% และในปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่ 7 โครงการ รวมมูลค่า 6 พันล้านบาท โดยไตรมาสแรกเปิดตัวไปแล้ว 1 โครงการ "คอนโดมีเนียม The Kith สุขุมวิท 113"มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท
และในช่วงไตรมาส 2/54 จะเปิด 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท ได้แก่ "คอนโดมิเนียม The Nicheลาดพร้าว 130" มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท และ โครงการ "คอมมูนิตี้มอลลล์ Sena Fest"มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท คาดว่าจะมีผลตอบแทนการลงทุนที่ 13% ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปี 56 ตั้งอยู่ที่ถนนเจริญนครตัดกับสะพานตากสิน บนพื้นที่ขนาด 4 ไร่ มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 25,000 ตารางเมตร
"คาดว่าผลประกอบการของ SENA จะเริ่มเห็นภาพที่โดดเด่นได้ตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไป เนื่องจากบริษัทมีแผนรับรู้รายได้โครงการคอนโดมิเนียมในช่วงกลางปี จำนวน 3 โครงการคือ 1.โครงการ The Niche ตากสิน 2.โครงการ The Kith แจ้งวัฒนะ (1 อาคาร) และ 3.โครงการ The Cache คลอง 2 (1 อาคาร) " นางเกษรา กล่าว
ส่วนความคืบหน้าโครงการสนามกอล์ฟแระโรงแรมที่พัทยา คาดว่าจะได้ข้อสรุปการศึกษารายละเอียดภายใน 2 เดือนว่าจะเข้าไปลงทุนหรือไม่ บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้จากค่าเช่าเป็น 10% ภายใน 5 ปี จากปัจจจุบันอยู่ที่ 1%
"เราก็มีแผนจะกระจายรายได้ที่จะมาจากธุรกิจเช่าเพิ่มขึ้น ตัวแรกคือ Sena Fest ส่วนตัวที่ 2 ก็เป็นโรงแรมและสนามกอล์ฟที่พัทยา ที่มีราคาประเมินอยู่ประมาณ 660 ล้านบาท แต่เราคงซื้อต่ำกว่านี้ คิดว่าอีก 2 เดือนคงได้ข้อสรุปในเรื่องของรายได้และ IRR ว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่" นางสาวเกษรา กล่าว
นางเกษรา กล่าวว่า ในปีนี้มีหลายปัจจัยที่เป็นตัวแปรต่อการตัดสินใจซื้อบ้านของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนทางเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอก อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น อัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจ แต่ SENA จะมีการจัดแคมเปญทางการตลาดที่ช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแคมเปญที่กำลังเสนอให้เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าในปัจจุบันคือ สมาร์ทเลือกได้พิสูจน์ของแถมเลือกได้กว่า 100 รายการ โดยลูกค้ามีอิสระในการเลือกตัดสินใจเลือกกับสิ่งที่มีความจำเป็นในการซื้อที่อยู่อาศัยกว่า 100 รายการ หรือจะเลือกใช้อัตราดอกเบี้ย 0% นานถึง 2 ปี 6 เดือน
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 1/54 ด้วยกลยุทธ์การบริหารต้นทุนอย่าง Conservative และศักยภาพในการจัดหาที่ดินและวัสดุก่อสร้างที่ต้นทุนต่ำ อันเกิดจากความชำนาญในธุรกิจและความสัมพันธ์กับคู่ค้าที่ยาวนานกว่า 30 ปี ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 41.71% โดยมีมีกำไรสุทธิ 40.24 ล้านบาท ลดลง 49.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายลดลง ซึ่งส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความกังวลเรื่องสภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวน อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ภาวะสงครามและภัยธรรมชาติ ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อบ้านซึ่งเป็นสินค้าคงทนและก่อหนี้ระยะยาว
ประกอบกับในไตรมาส 1/54 บริษัทจะต้องรับภาระค่าภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมการโอนที่รัฐบาลไม่ได้มีนโยบายสนับสนุนต่อประกอบกับมีค่าใช้จ่าย การตลาดในการสร้างแบรนด์ของบริษัทด้วย